xs
xsm
sm
md
lg

คาดลอยตัว “แอลพีจี” เลื่อนให้ รบ.หน้าตัดสินใจ เอกชนแจงใกล้เลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พลังงาน” แจงลอยตัวก๊าซแอลพีจี เดือน ก.ค.นี้ ส่อแววสะดุด ชี้หลายปัจจัยเปลี่ยน ทั้งราคาตลาดโลกทรงตัว ดีมานด์ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ยอมรับ มีความไม่พร้อมอีกหลายด้าน ทั้งประกาศกระทรวง และภาคเอกชนคัดค้าน เตรียมชงผลการศึกษาให้นายกฯ ชี้ขาด ด้านสมาคมฯ คาด “มาร์ค” โยนให้ รบ.หน้า เพราะใกล้เลือกตั้ง เผยปิกอัพแห่ติดแอลพีจีกว่า 1 แสนคันแล้ว

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี (LPG) ในภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง และจะนำเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม เพื่อขอมติว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันรัฐบาลชุดนี้

“เดิมทีการลอยตัวแอลพีจี คาดว่าจะเริ่มในส่วนของภาคอุตสาหกรรมก่อน ในเดือนกรกฎาคม 2554 นี้ ซึ่งเป็นช่วงราคาแอลพีจีตลาดโลกตกต่ำ แต่ล่าสุดราคายังมีแนวโน้มสูงขึ้น และสูงขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการของญี่ปุ่นที่เพิ่มเข้ามา โดยผลการศึกษาที่ออกมาก็ตรงกันว่าจะให้ทยอยขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2554 นี้ ซึ่งถือว่ามีความเหมาะสม”

ขณะนี้พบว่ามีปัจจัยหลายด้านเข้ามากดดัน ทั้งราคาตลาดโลกที่ทรงตัวค่อนข้างสูง ความต้องการของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการลอยตัว จึงเป็นเรื่องที่ กพช.จะต้องตัดสินใจว่าจะมีนโยบายอย่างไร ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลชุดนี้อาจจะไม่พิจารณา นอกจากนี้ยังมีเรื่องประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อรองรับการลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ภาคเอกชนก็คัดค้านเพราะต้องการเวลาในการปรับตัว

นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) คาดการณ์ว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ประกาศขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากกำลังใกล้จะยุบสภา และส่วนตัวเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะลอยตัวในเดือนกรกฎาคม 2554 เนื่องจากมาตรการรองรับสำหรับการแยกราคาแอลพีจี 2 ตลาดนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถควบคุมหรือการันตีได้ว่าก๊าซแอลพีจีจากภาคอื่นที่ราคาถูกกว่าจะไม่ไหลเข้ามาในภาคอุตสาหกรรมแทน ซึ่งจะต้องคุมตั้งแต่โรงบรรจุก๊าซตามมาตรา 7 จนถึงร้านค้าปลีก

“กฎหมายของกรมธุรกิจพลังงานที่ออกมาก็ดูเฉพาะความปลอดภัย ไม่ได้ดูเรื่องราคาแอลพีจี จึงไม่เห็นด้วยที่จะปรับขึ้นแอลพีจีในช่วงเดือนกรกฎาคม 2554 นี้ และควรยืดเวลาออกไปก่อน ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมก็ต้องมาดูอีกครั้ง แต่ส่วนตัวแล้วค้านมาตลอดว่าไม่ควรแยก 2 ราคา”

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ ธพ.มีแนวคิดที่จะควบคุมการเกิดปั๊มแอลพีจีที่ปัจจุบันมีการขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่แพง แต่รัฐตรึงราคาแอลพีจีภาคขนส่งไว้ที่เดิม โดยอาจจะใช้กฏหมายหรือกฏระเบียบที่มีอยู่ของธพ.ให้เข้มงวดหรืออาจจะเพิ่มค่าธรรมเนียมให้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเร่งสรุปก่อนเดือนกรกฎาคม 2554 เพื่อนำเสนอไปยัง กพช. เป็นแพคเกจเดียวกันกับแผนปล่อยลอยตัวแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง

ปัจจุบันยอมรับว่า มีปั๊มแอลพีจีที่ได้รับใบอนุญาตแล้วถึง 1,007 แห่ง จากปลายปี 2553 อยู่ที่ 890 แห่ง ถือว่าเพิ่มขึ้นมาก และขณะนี้มีคำขอเปิดปั๊มแอลพีจีมาเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ภาคกลาง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 มียอดใช้แอลพีจีอยู่ที่ 61,986 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ถึง 18.4%

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่เริ่มสูงขึ้นเป็นแรงจูงใจให้รถยนต์หันมาใช้แอลพีจีแทนน้ำมันมากขึ้น ขณะนี้เหตุการณ์เริ่มคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2551 ที่ราคาน้ำมันสูงถึง 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้รถยนต์แม้แต่รถปิกอัพที่ใช้ดีเซลหันมาใช้แอลพีจีด้วยการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นเครื่องเบนซินแล้วติดตั้งอุปกรณ์ใช้แอลพีจี คาดว่าขณะนี้มีรถปิกอัพที่ใช้แอลพีจีไม่น้อยกว่า 1 แสนคันแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น