“สุพจน์” พบรายได้ที่จอดรถสุวรรณภูมิหดเหลือวันละ 5-6 แสนบาท จากปกติมี 7-9 แสนบาท ทั้งที่เป็นช่วง High Season เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบพิรุธ เผยเตรียมส่ง “ป.ป.ช.-สตง.” รับลูกผลสอบสัมปทานปาร์คกิ้งฉาว หลัง “โสภณ” ลงนามเห็นชอบ ฉาวไม่เลิกผู้โดยสารของหายรายวัน “ทอท.” เต้นติดวงจรปิดเพิ่มอีก 150 ตัว ยันกำชับ รปภ.ตรวจทุกซอกทุกมุม
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบปัญหาการบริหารอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ยกเลิกสัญญาสัมปทาน บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด และเข้าดำเนินการเก็บค่าบริการเองนั้นล่าสุด พบว่า ในช่วงปลายเดือน ก.พ.- มี.ค.54 มีรายได้ลดลงเหลือประมาณ 5-6 แสนบาทต่อวัน จากก่อนหน้านี้ ที่มีรายได้เฉลี่ย 7-9 แสนบาทต่อวัน ซึ่งสวนทางกับจำนวนผู้โดยสารที่เป็นช่วง High Season ซึ่งเร็วๆ นี้ ตนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
“เป้าหมายในการที่ให้ ทอท.บริหาร และจัดเก็บค่าจอดรถเอง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลไม่ให้เกิดการทุจริต ซึ่งผมให้รายงานตัวเลขรายได้ทุกวัน ก็พบว่าลดลงแบบผิดปกติ โดย ทอท.ไม่ได้แจ้งสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือผู้ใช้บริการให้ตรวจสอบใบเสร็จทุกครั้งที่จ่ายเงินว่าตัวเลขตรงกับที่จ่ายไปหรือไม่” นายสุพจน์ กล่าว
ส่วนกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงสัญญาสัมปทานบริหารอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบได้สรุปเรื่องเสนอนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรมว.คมนาคมได้ลงนามในผลสอบแล้วเมื่อเดือน ก.พ.2554 โดยจะส่งเรื่องต่อไปยัง ทอท.เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามระเบียบของ ทอท.ต่อไป
พร้อมกันนี้ กระทรวงคมนาคมจะส่งผลสอบไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งสองหน่วยงานได้ประสานมายังกระทรวงเพื่อขอทราบผลตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย ดังนั้นจึงถือว่า ปัญหาสัมปทานที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ จะมีหน่วยงานภายนอกร่วมตรวจสอบด้วยหลังจากนี้
“กระทรวงได้ตรวจสอบตามหน้าที่ จากนี้จะส่งเรื่องไปที่ ทอท.ซึ่งจะมีระเบียบในการดำเนินการต่อไป ซึ่งเมื่อทอท.ได้รับเรื่องแล้วไม่มีการดำเนินการใดๆ เชื่อว่า ป.ป.ช.และ สตง.ก็คงจะช่วยติดตามแทนกระทรวง เพราะได้แสดงความสนใจปัญหานี้” นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับผลตรวจสอบข้อเท็จจริงสัมปทานปาร์คกิ้งนั้น ทั้งคณะกรรมการ ทอท.ผู้บริหาร ทอท.ได้ดำเนินการผิดพลาดและบกพร่อง โดยผู้บริหาร ทอท.ที่เข้าข่ายมีความบกพร่อง เช่น นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณารายได้, นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน อดีตผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คณะกรรมการร่างทีโออาร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของบอร์ด ทอท.ที่จะรับไปดำเนินการต่อตามระเบียบ ส่วนคณะกรรมการทอท.นั้นพบว่า มีความบกพร่องในการอนุมัติโครงการโดยพิจารณาข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นอำนาจดำเนินการของ รมว.คมนาคม
***มือดีฉกทรัพย์สินผู้โดยสารหายรายวัน
รายงานข่าวจากสนามบินสุวรรณภูมิ แจ้งว่า ภายหลัง ทอท.บอกเลิกสัญญากับบริษัท ปาร์คกิ้ง ทอท.ได้ส่งเจ้าหน้าที่โดยว่าจ้างเป็นแรงงานภายนอก (Outsource) เข้าไปทำหน้าที่จัดเก็บค่าจอดรถแทน โดยช่วงแรกสามารถจัดเก็บค่าจอดรถมีรายได้รวมประมาณ วันละกว่า 1 ล้านบาท โดยเป็นเงินสด 8 แสนบาทต่อวัน และมีรายได้จากสมาชิกรายเดือนอีก 2-3 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2-3 แสนบาทต่อวัน สูงกว่าช่วงที่บริษัท ปาร์คกิ้ง จัดเก็บ มีรายได้ที่ 7 แสนบาทต่อวันเท่านั้น แต่ล่าสุด รายได้ที่จัดเก็บได้เริ่มลดลง และมีปัญหาทรัพย์สินของผู้ใช้บริการสูญหายบ่อย
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ราชาเทวะ ได้รับแจ้งความจาก นางนิตยา ล้ำเลิศ อายุ 51 ปี ว่า ทรัพย์สินสูญหายบริเวณลานจอดรถ 3 ชั้น 5 โซน B รวมจำนวน 8 รายการ ประกอบด้วยเงินสด 7,000 ยูโร, กำไรข้อมือทองคำ หนัก 5 บาท, กำไรข้อมือฝังเพชร 1 เส้น มูลค่า 3 แสนบาท, ต่างหูเพชร 2 คู่ แหวนเพชร, นาฬิกาข้อมือ, โทรศัพท์มือถือ เป็นต้นโดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับทอท.ในการตรวจสอบกล้องวงจรปิด
***สุวรรณภูมิติดวงจรปิดเพิ่ม-เพิ่มความถี่สายตรวจ รปภ.
ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้โดยสารรวมถึงทรัพย์สินมาโดยตลอด โดยภายในอาคารจอดรถมีกล้องวงจรปิดจำนวน 80 ตัว และอยู่ระหว่างติดตั้งเพิ่มอีก 150 ตัว โดยจะแล้วเสร็จในวันที่ 11 มี.ค.2554 และที่ผ่านมา ได้กำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มความถี่ทั้งรถสายตรวจและเจ้าหน้าที่เดินเท้า ส่วนกรณีที่เกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.นั้น ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัยแล้วโดยอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบปัญหาการบริหารอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ยกเลิกสัญญาสัมปทาน บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด และเข้าดำเนินการเก็บค่าบริการเองนั้นล่าสุด พบว่า ในช่วงปลายเดือน ก.พ.- มี.ค.54 มีรายได้ลดลงเหลือประมาณ 5-6 แสนบาทต่อวัน จากก่อนหน้านี้ ที่มีรายได้เฉลี่ย 7-9 แสนบาทต่อวัน ซึ่งสวนทางกับจำนวนผู้โดยสารที่เป็นช่วง High Season ซึ่งเร็วๆ นี้ ตนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
“เป้าหมายในการที่ให้ ทอท.บริหาร และจัดเก็บค่าจอดรถเอง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลไม่ให้เกิดการทุจริต ซึ่งผมให้รายงานตัวเลขรายได้ทุกวัน ก็พบว่าลดลงแบบผิดปกติ โดย ทอท.ไม่ได้แจ้งสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือผู้ใช้บริการให้ตรวจสอบใบเสร็จทุกครั้งที่จ่ายเงินว่าตัวเลขตรงกับที่จ่ายไปหรือไม่” นายสุพจน์ กล่าว
ส่วนกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงสัญญาสัมปทานบริหารอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบได้สรุปเรื่องเสนอนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรมว.คมนาคมได้ลงนามในผลสอบแล้วเมื่อเดือน ก.พ.2554 โดยจะส่งเรื่องต่อไปยัง ทอท.เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามระเบียบของ ทอท.ต่อไป
พร้อมกันนี้ กระทรวงคมนาคมจะส่งผลสอบไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งสองหน่วยงานได้ประสานมายังกระทรวงเพื่อขอทราบผลตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย ดังนั้นจึงถือว่า ปัญหาสัมปทานที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ จะมีหน่วยงานภายนอกร่วมตรวจสอบด้วยหลังจากนี้
“กระทรวงได้ตรวจสอบตามหน้าที่ จากนี้จะส่งเรื่องไปที่ ทอท.ซึ่งจะมีระเบียบในการดำเนินการต่อไป ซึ่งเมื่อทอท.ได้รับเรื่องแล้วไม่มีการดำเนินการใดๆ เชื่อว่า ป.ป.ช.และ สตง.ก็คงจะช่วยติดตามแทนกระทรวง เพราะได้แสดงความสนใจปัญหานี้” นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับผลตรวจสอบข้อเท็จจริงสัมปทานปาร์คกิ้งนั้น ทั้งคณะกรรมการ ทอท.ผู้บริหาร ทอท.ได้ดำเนินการผิดพลาดและบกพร่อง โดยผู้บริหาร ทอท.ที่เข้าข่ายมีความบกพร่อง เช่น นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณารายได้, นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน อดีตผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คณะกรรมการร่างทีโออาร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของบอร์ด ทอท.ที่จะรับไปดำเนินการต่อตามระเบียบ ส่วนคณะกรรมการทอท.นั้นพบว่า มีความบกพร่องในการอนุมัติโครงการโดยพิจารณาข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นอำนาจดำเนินการของ รมว.คมนาคม
***มือดีฉกทรัพย์สินผู้โดยสารหายรายวัน
รายงานข่าวจากสนามบินสุวรรณภูมิ แจ้งว่า ภายหลัง ทอท.บอกเลิกสัญญากับบริษัท ปาร์คกิ้ง ทอท.ได้ส่งเจ้าหน้าที่โดยว่าจ้างเป็นแรงงานภายนอก (Outsource) เข้าไปทำหน้าที่จัดเก็บค่าจอดรถแทน โดยช่วงแรกสามารถจัดเก็บค่าจอดรถมีรายได้รวมประมาณ วันละกว่า 1 ล้านบาท โดยเป็นเงินสด 8 แสนบาทต่อวัน และมีรายได้จากสมาชิกรายเดือนอีก 2-3 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2-3 แสนบาทต่อวัน สูงกว่าช่วงที่บริษัท ปาร์คกิ้ง จัดเก็บ มีรายได้ที่ 7 แสนบาทต่อวันเท่านั้น แต่ล่าสุด รายได้ที่จัดเก็บได้เริ่มลดลง และมีปัญหาทรัพย์สินของผู้ใช้บริการสูญหายบ่อย
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ราชาเทวะ ได้รับแจ้งความจาก นางนิตยา ล้ำเลิศ อายุ 51 ปี ว่า ทรัพย์สินสูญหายบริเวณลานจอดรถ 3 ชั้น 5 โซน B รวมจำนวน 8 รายการ ประกอบด้วยเงินสด 7,000 ยูโร, กำไรข้อมือทองคำ หนัก 5 บาท, กำไรข้อมือฝังเพชร 1 เส้น มูลค่า 3 แสนบาท, ต่างหูเพชร 2 คู่ แหวนเพชร, นาฬิกาข้อมือ, โทรศัพท์มือถือ เป็นต้นโดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับทอท.ในการตรวจสอบกล้องวงจรปิด
***สุวรรณภูมิติดวงจรปิดเพิ่ม-เพิ่มความถี่สายตรวจ รปภ.
ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาความปลอดภัยผู้โดยสารรวมถึงทรัพย์สินมาโดยตลอด โดยภายในอาคารจอดรถมีกล้องวงจรปิดจำนวน 80 ตัว และอยู่ระหว่างติดตั้งเพิ่มอีก 150 ตัว โดยจะแล้วเสร็จในวันที่ 11 มี.ค.2554 และที่ผ่านมา ได้กำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มความถี่ทั้งรถสายตรวจและเจ้าหน้าที่เดินเท้า ส่วนกรณีที่เกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.นั้น ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัยแล้วโดยอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้