ฉก.ทลายแหล่งชอปสินค้าแบรนด์ดังปลอมของกลางอื้อ!

ตำรวจชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ของ บช.น.บุกเข้าจับกุมแหล่งจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งกระเป๋า นาฬิกาแฟชั่นจำนวนมาก มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เจ้าของรับสารภาพรับสินค้ามาจากเขมร ขายต่อให้กับนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์ อาหรับ และอินเดีย ฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 3 เท่า โดยมีแท็กซี่ขาประจำ พานักท่องเที่ยวเข้ามาชอป

วันนี้ (28 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี นำกำลังชุดเฉพาะกิจปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเครื่องหมายการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา เข้าตรวจค้นร้าน Zain Shop ขายนาฬิกา กระเป๋า และแว่นตาแฟชั่น ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ เลขที่ 27/7 ซอยนายเลิศ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อดังรายใหญ่ในย่านถนนวิทยุ

จากการตรวจสอบพบว่า อาคารพาณิชย์ดังกล่าวมีความสูง 4 ชั้น ส่วนที่ตั้งร้านค้าอยู่บริเวณชั้นที่ 2 ของตัวตึก เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นพบของกลางเป็นนาฬิกาแฟชั่นละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อดัง เช่น GUGCI, CHANEL, LOUIS VUITTON, DIOR, HERMES, PRADA ฯลฯ วางเรียงรายอยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่ 4 ตู้ จำนวนนับพันเรือน นอกจากนี้ยังพบกระเป๋าสะพาย กระเป๋าเงิน และกระเป๋าถือละเมิดลิขสิทธิ์แขวนอยู่ตามฝาผนังรอให้ลูกค้าเดินทางมาเลือกซื้ออีกประมาณ 400 ใบ ส่วนที่ตู้โชว์ด้านในพบแว่นตาละเมิดลิขสิทธิ์วางอยู่ในตู้โชว์อีก 100 อัน รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 3,000,000 บาท ชุดจับกุมจึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้ก่อนควบคุมตัว น.ส.กิตติลักษณ์ วิลเลี่ยมโฮ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านไปสอบสวนเพื่อดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี

จากการสอบสวน น.ส.กิตติลักษณ์ให้การว่า ของกลางทั้งหมดสั่งมาจากตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว โดยจะมีรถทัวร์มาส่งให้ถึงร้านเป็นล็อต เฉลี่ยราคารับซื้อมาชิ้นละประมาณ 300 บาท แต่จะนำออกจำหน่ายให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์ ชาวอาหรับ และอินเดีย ชิ้นละ 1,000-3,000 บาท สำหรับลูกค้าเหล่านี้จะมีโชเฟอร์แท็กซี่ขาประจำที่รู้กันกับทางร้านเป็นผู้แนะนำและพาเดินทางมาซื้อ โดยทางร้านจะมีค่าตอบแทนที่เรียกว่าค่าจอดรถและค่าน้ำให้จำนวน 20% จากราคาขายสินค้าแต่ละเที่ยว ที่ผ่านมาทางร้านเปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00-02.00 น.ของทุกวันมานาน 4 เดือนแล้วแต่ยังไม่เคยถูกจับ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าผู้อื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรต่อ น.ส.กิตติลักษณ์ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป