xs
xsm
sm
md
lg

คลังเปิดโผ 5 รสก.แชมป์ส่งรายได้สูงสุด 5 เดือนแรกโกย 4 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลังเปิดโผ 5 รสก.ในสังกัด ส่งรายได้เข้ารัฐ “รง.ยาสูบ” ครองแชมป์ส่งเงินได้สูงที่สุด ปลื้มรายได้ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 54 โกยไปแล้วเกือบ 4 หมื่นล้าน สูงกว่าประมาณการถึง 6.6 พันล้าน “กรณ์” เร่งดันร่างกฎหมาย PPP เตรียมชงเข้า ครม.ภายในเดือน มี.ค.หวังผ่านสภาสมัยนี้

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า รัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 นำส่งรายได้สะสมเข้าแผ่นดินตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 จำนวนทั้งสิ้น 39,309.66 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ จำนวน 6,627.19 ล้านบาท จากที่ได้ประมาณไว้ 32,682.47 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงรายได้จากเงินปันผลในกองทุนรวมวายุภักษ์อีกประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะจ่ายเงินปันผลในเดือนมีนาคม 2554 นี้

“เฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการนำส่งรายได้เข้าแผ่นดินสูงกว่าที่ประมาณการไว้กว่าเท่าตัว จากที่ประมาณการไว้ 2,672.21 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจสามารถนำส่งรายได้จริงสูงถึง 5,500.47 ล้านบาท โดยสูงกว่าประมาณการ 2,828.26 ล้านบาท”

ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โรงงานยาสูบ นำส่งรายได้แผ่นดิน จำนวน 1,418 ล้านบาท บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) นำส่งเงินปันผล (พิเศษ) เพื่อชดเชยรายได้จากภาษีสรรพสามิต จำนวน 1,126 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 126 ล้านบาท สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นำส่งรายได้เข้าแผ่นดิน จำนวน 1,120 ล้านบาท การประปานครหลวง จำนวน 787 ล้านบาท และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 550 ล้านบาท สูงกว่าที่ประมาณการไว้ 449.59 ล้านบาท

“เป็นที่น่ายินดีว่าในเดือนนี้ รัฐวิสาหกิจหลายแห่งได้มีการนำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ไม่สามารถนำส่งรายได้เข้าแผ่นดินได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ต่างเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถนำส่งเงินได้ตรงตามแผน ซึ่งทาง สคร.ก็ได้ทำหน้าที่ในการเข้าไปร่วมให้คำปรึกษาเพื่อผลักดันให้แผนเหล่านั้นสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว”

สำหรับความคืบหน้า พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.PPP) นายสมชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวได้ ภายในเดือนมีนาคม 2554 หลังจากนั้น จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาต่อไป หากไม่มีข้อติดขัด และคาดว่า จะเสนอร่างกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎรได้ภายในรัฐบาลนี้

โดยวันนี้ สคร.ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ในส่วนของราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และในวันที่ 11 มี.ค.54 จะเป็นการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน ซึ่งหลังจากนั้น จะมีการสรุปรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อ รมว.คลัง ก่อนจะนำเสนอต่อครม.

สำหรับร่าง พ.ร.บ.PPP จะนำมาใช้ทดแทน พ.ร.บ.การให้เอกชนเข้าร่วมการงานในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ที่ไม่ได้รับความนิยม สาระสำคัญของร่างกฎหมายใหม่จะยังคงมูลค่าโครงการลงทุนที่ต้องดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าว คือ วงเงิน 1,000 ล้านบาท แต่จะมีการกำหนดการคำนวณมูลค่าโครงการลงทุนให้ชัดเจน โดยจะมีการประกาศ รมว.คลัง ในการคำนวณมูลค่าโครงการ จากกฎหมายเดิมที่ให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการทำให้มีการกำหนดมูลค่าโครงการลงทุนไม่ถึง 1,000 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องเข้าข่าย ดังนั้น จึงต้องมีการกำหนดกรอบการคัดเลือกโครงการที่ชัดเจน โปร่งใส ลดการทุจริต

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.PPP จะกำหนดเวลาในการอนุมัติโครงการเร็วขึ้นกว่ากฎหมายเดิม จาก 48 เดือน ลดเหลือ 12 เดือน โดยกำหนดกรอบพิจารณาโครงการจากกระทรวงต้นสังกัดภายใน 60 วัน จากเดิมไม่มีกรอบเวลา นอกจากนี้ จะมีคณะกรรมการตรวจสอบ มีคณะกรรมการ PPP committee มีคณะกรรมการอนุมัติโครงการร่วมทุน PPP และจะมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จ โดยเงินในการตั้งกองทุนอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้เงินงบประมาณ หรือเงินสนับสนุนทางอื่น เช่น เงินค่าซื้อซองประกวดราคา
กำลังโหลดความคิดเห็น