xs
xsm
sm
md
lg

ฤาจะปล่อยคดี "มโนสาเร่" เลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

"จะเดินหน้าทุ่มเททั้งกายและสติปัญญา เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและความทุกข์สุขของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ พร้อมกับขีดเส้นนโยบายเร่งด่วน ภายใน 6 เดือน ว่าจะเป็นช่วงเวลา "ปัดกวาดบ้าน ร่วมใจพัฒนา" โดยตำรวจจะเป็นที่พึ่งของประชาชนเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคมทั่วไป"

นั่นคือนโยบายที่ "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลั่นวาจาไว้เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2553 หลังเข้ารับมอบตำแหน่ง ซึ่งจนถึงขณะนี้เวลาล่วงเลยกว่า 6 เดือน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังซบเซา หุ้นดีดตัวสูง น้ำมันราคาแพง ทองราคาแพงหูฉี่ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดกลับล่อใจให้คนร้ายออกอาละวาด "จี้-ชิง-ปล้น-ลักขโมย" ส่อถึงความรุนแรงมากขึ้น หากมองในทางกลับกันความเป็นรูปธรรมเห็นผลปรากฎของการปราบปรามภายใต้ สโลแกนของ "บิ๊กน้อย" ที่ว่า "ปัดกวาดบ้าน ร่วมใจพัฒนา" ยังคงไม่ชัดเจนว่าจะกวาดล้างโจรผู้ร้ายที่ออกหากินรายวันลดลงได้ อีกทั้งยังไม่เป็นที่น่าพอใจให้กับประชาชนได้เท่าที่ควร

ซึ่งจะเห็นได้จากเหตุโจรผู้ร้ายยังชุกชุม โดยเฉพาะการโจรกรรมลักรถยนต์ รถจักรยานยนต์ แล้วนำไปชำแหละ แยกชิ้นส่วนตัวถัง และอื่น ๆ วางขายกันทั่วกรุง แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยจะให้ความสำคัญปราบปรามจับกุมขบวนการลักรถ แต่พวกโจรเหล่านี้ ก็จะมีวิธีการอันแยบยลในการโจรกรรมรถ ตามใบสั่ง ซึ่งเมื่อ "รถยนต์-รถจักรยานยนต์" กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่สามารถคอยขับเคลื่อนที่ไปยังแห่งหนตามที่เราต้องการได้ง่ายแล้ว ด้วยเหตุนี้ "รถยนต์ - รถ จยย." จึงตกเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย

จากข้อมูลพบว่า ยี่ห้อรถที่มีสถิติสูญหายมากที่สุด ได้แก่ "ฮอนด้า แจ๊ซ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า ซิตี้" ส่วนรถกระบะ ได้แก่ "โตโยต้า วีโก้" ขณะที่รถจักรยานยนต์ได้แก่ "ฮอนด้า เวฟ" รองลงมาคือ "ฮอนด้า คลิก" และพื้นที่ที่มีรถหายมากที่สุดก็คือ "กรุงเทพมหานคร" โดยเขตที่มีสถิติรถหายมากที่สุด ได้แก่ เขตบางกะปิ รองลงมาคือ ดินแดง ตามด้วย จตุจักร วังทองหลาง และคลองเตย

ซึ่งเพื่อช่วยหลีกเลี่ยง และช่วยไม่ให้รถยนต์ - รถ จยย. ปัจจัยที่ 5 ที่ขาดไม่ได้กับคนทุกระดับ ต้องอันตรธานสูญหายอย่างง่ายดาย จึงขอนำเสนอสถานที่จอดประจำที่มีอัตราเสี่ยงรถหาย และควรระวังมากที่สุด อันดับ 1 ได้แก่ ที่จอดรถริมถนนและหน้าบ้านพักอาศัย , อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถของอาคารที่พักอาศัย ประเภท หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดฯ และแมนชั่น , อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของการเคหะฯ

และแม้สถานที่จอดรถชั่วคราวจะมีอัตราการโจรกรรมรถน้อยกว่านั้นก็ไม่ควรประมาท โดยจากสถิติพบว่า สถานที่จอดรถชั่วคราวที่ว่าจัดเป็นพื้นที่เสี่ยงอันดับ 1 ได้แก่ ลานจอดรถของตลาดสด ,อันดับ 2 ได้แก่ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า , อันดับ 3 ได้แก่ ลานจอดรถของสถานบันเทิง และร้านอาหาร, อันดับ 4 ได้แก่ ลานจอดรถของศาสนสถาน เช่น วัด ศาลหลักเมือง ,อันดับ 5 ได้แก่ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือปั้มน้ำมัน

ทั้งนี้ ยังพบว่า มีสถานที่เสี่ยงซึ่งคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึงว่าคนร้ายจะกล้าลงมือโจรกรรมรถยนต์ไป ได้แก่ ศูนย์บริการ อู่ซ่อมรถยนต์ สถาบันการศึกษาสมาคม บริเวณริมถนน ซึ่งผู้ขับขี่จอดรถนอนหลับพักสายตา หรือแม้กระทั่งลานจอดรถใต้ทางด่วนฯ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ รวมถึงโรงแรม

นอกจากการโจรกรรมรถแล้ว สิ่งที่ปรากฎภายในช่วง 6 เดือน ในนโยบายปราบอบายมุข ปราบปรามอาชญากรรรม ที่ยังรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำการกวาดล้างให้หมดสิ้น คงหลีกไม่พ้นโจรลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกติดยาเสพติด มักจะออกอาละวาดตามวัดวา อาราม โดยจะเข้าไปในวัดยามวิกาล งัดหรือทุบเอาเงินตามตู้บริจาคภายในวัดดัง โดยเหตุของปัญหาอาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามซึ่งต้องระวัง และเกิดขึ้นบ่อยซ้ำซาก และเจ้าหน้าที่ตำรวจควรเร่งดูแลสารทุกข์ สุขดิบของชาวบ้าน ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องไม่เหนื่อยหน่าย หรือเบื่อหน่าย เอือมระอา กับภัยใกล้ตัว เช่น ตามหมู่บ้านที่ถูกลักมิเตอร์น้ำ

โดยการประปานครหลวง ได้รวบรวมสถิติไว้ ว่ามาตรวัดน้ำถูกขโมยมีมากถึงเดือนละ 1,500 ตัว เสียหายเป็นเงินหลายแสน แม้ว่าที่ผ่านมาได้ทำหนังสือขอความร่วมมือจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่ช่วยดูแลกวดขันจับกุมผู้ลักขโมยมาตรวัดน้ำ รวมทั้งกำชับร้านค้าของเก่า โรงหลอมเหล็ก ไม่ให้รับซื้อมาตรวัดที่ถูกขโมย แต่ก็ยังมีพวกมิจฉาชีพประเภทนี้อยู่ทั่วเมือง

ขณะเดียวกัน หากย้อนไปดูคดีปล้น-จี้ชิงทอง ซึ่งมีตัวกระตุ้นในการกระทำหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นพิษเศรษฐกิจไม่ดี "ราคาทองคำสูงขึ้น" ยิ่งเป็นสิ่งล่อใจให้ก่อเหตุ เพราะทองเป็นทรัพย์สิน มีค่า มีราคาในตัวสูง และขายเปลี่ยนมือ เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายกว่าทรัพย์สินชนิดอื่น จึงเกิดเหตุการณ์ "ปล้น-จี้ชิงทอง" อยู่เป็นระยะ ๆ โดยพบว่า

28 ธ.ค. 53 เกิดเหตุคนร้ายควงปืนบุกเดี่ยวเข้าไปชิงทอง 100 บาท ภายในห้างทองยิ่งเฮง ถนนสรงประภา ดอนเมือง และยิงเจ้าของร้านทองกับแม่บ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ สวมทะเบียนปลอม สส 9912 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป

8 ก.พ. 54 สองคนร้ายควบฮอนด้าซีวิคบุกจี้ร้านทองแม่กิมหงษ์ ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 กวาดทองไป 67 บาท มูลค่า 1.5 ล้านบาท

นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ ที่โจรนอกเครื่องแบบ คอยสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และสร้างความหวาดผวาให้กับร้านทอง ซึ่งความไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กอง ยศ "ร.ต.อ." เป็นถึงรองสารวัตรอำนวยการ สน.ชนะสงคราม ยังกล้าที่จะเย้ยกฎหมาย เย้ยการทำงานพิทักษ์สันติราษฎร์ของตำรวจด้วยกันเอง โดย "ร.ต.อ.ชัยธัช แจ่มเมือง" ผู้นี้ได้ก่อเหตุจี้ชิงทอง ห้างทองแม่สุพร 2 ปากซอยราชวิถี 16 ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา โดย "ร.ต.อ." ขี่รถ จยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ มาจอดที่หน้าร้านทอง ก่อนบุกเดี่ยวเข้าในร้าน แล้วชักปืน .38 ซึ่งเป็นปืนประจำกายใช้เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ ยิง "ส.ต.ต.กิตติภักดิ์ เจริญบวรภิรมย์" อายุ 28 ปี สังกัด กก.ตชด. ไป 2 นัด ถูกบริเวณหน้าท้องและชายโครงอาการสาหัส

โดยจังหวะนั่นเองลูกค้าภายในร้านซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้ช่วยกันจับตัว "ร.ต.อ.ชัยธัช แจ่มเมือง" ผู้ที่คิดสั้นดับ!!อนาคตทางราชการตำรวจ ไว้ จากนั้นได้มีชาวบ้านมาช่วยกันจับกุมและรุมประชาทัณฑ์จนสะบัก สะบอม โดยที่ "ร.ต.อ." ไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ ไป แม้แต่บาทเดียว

เหตุการณ์อุกอาจที่เกิดขึ้น "ร.ต.อ.ชัยธัช แจ่มเมือง" ผู้ก่อเหตุเข้าจี้ชิงทอง รับสารภาพว่า สาเหตุที่ทำลงไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อ้างว่าก่อนหน้านี้ไปกู้เงินจากธนาคารมานับล้านบาท แต่ไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ก้อนนี้ได้ จึงคิดที่จะจี้ร้านทอง เพื่อหาเงินไปใช้หนี้ธนาคาร

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคดีจี้-ปล้น ในยุคปัจจุบันจะมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น แต่คดีรูปแบบเดิม ๆ อย่างการ “จี้ชิงทอง-ปล้นทอง” ก็ยังถือว่าเป็นคดีที่ไม่เคยห่างหายไปจากสารบบ ไม่ว่าจะเป็นช่วงทองแพงน้อย- แพงมาก ซึ่งในเมื่อร้านทองถูกจี้-ปล้น บ่อยครั้ง หลังจาก "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี" ผบ.ตร. ได้มุ่งมั่นจะเอาจริงปราบปรามอาชญกรรมไม่ให้เกิดอย่างโจ๋งครึม เกลื่อนเมืองแล้ว แต่คนร้ายยังกล้าก่อเหตุอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตำรวจเองก็หันมาก่อเหตุเหยียบจมูกอยู่เช่นนี้ แล้ว "ท่านวิเชียร" จะยังใจเย็นปล่อยให้โจรลอยนวลอยู่ได้อย่างไร หรือท่านจะให้ปัญหาอาชญากรรมวันต่อวันเป็นเฟื่องส่งผ่านความสั่นสะเทือนไปถึงเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ยังไม่ขันน็อคให้แน่นอีกครั้งจึงจะกล้าลงดาบปราบโจรอย่างจริงจัง!!!
ร.ต.อ.ชัยธัช แจ่มเมือง อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีจี้ร้านทองแม่สุพร 2 โดยขณะนี้ถูกให้ออกจากราชการแล้ว
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.
กำลังโหลดความคิดเห็น