พ่อค้าวอนรัฐยุติศึกชายแดน แจงบิ๊กเขมรยังไฟเขียวงานแสดงสินค้า

นักธุรกิจไทย ร้องผู้นำไทย-กัมพูชา เร่งเจรจายุติความรุนแรง หวั่นยืดเยื้อกระทบการค้า ค้านพาณิชย์ชะลอจัดงานแสดงสินค้า Thailand Trade Exhibition 2110 เพราะห่วงความปลอดภัย ยันผู้ใหญ่ฝ่ายเขมรยังไม่มีการปฏิเสธการจัดงาน หรือชะลอการจัดงานดังกล่าวแต่อย่างใด หอการค้าฯ หวั่นฉุดการค้า-ลงทุน-การค้า คาดสูญวันละ 30-50 ล้านบาท ด้านบิ๊ก ส.อ.ท. วิตกปัญหาชายแดน กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ โดยระบุว่า ผู้นำทั้ง 2 ประเทศควรหันหน้ามาเจรจาทำความเข้าใจกันจะดีกว่า และควรยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นขณะนี้โดยเร็ว หากยืดเยื้อยาวนานจนถึงขั้นปิดด่านชายแดนด้านต่างๆ จะกระทบต่อการค้าและการลงทุนอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดทั้งสิ้น

“แม้ว่าที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศอาจจะเกิดปัญหาความไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศ มีความเข้าใจปัญหาทางการเมือง ไม่กระทบด้านการค้า แต่ผลกระทบจะอยู่ที่การท่องเที่ยว และการลงทุนเป็นสำคัญ ดังนั้น หากถึงขั้นปิดด่านในแต่ละจุด โดยเฉพาะด้านการค้า ถือว่าไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใด และประชาชนทั้ง 2 ประเทศจะได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน จึงอยากให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศพิจารณาเรื่องนี้ให้เต็มที่”

อย่างไรก็ตาม ในฐานะภาคเอกชนไทยและเป็นทีมจัดงานแสดงสินค้า ระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ โดยกระทรวงพาณิชย์ไทยและกัมพูชาและภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศที่จะร่วมกันจัดงานดังกล่าวที่กรุงพนมเปญ โดยไม่เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์ไทยจะชะลอ หรือเลื่อนการจัดงานดังกล่าวออกไป เพราะเหตุความวุ่นวายทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศในขณะนี้และเกรงว่าจะไม่เกิดความปลอดภัย

“ที่สำคัญ เราได้มีการวางกรอบการจัดงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเหลือเวลาที่จะจัดงานอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า และยังไม่มีการปฏิเสธการจัดงานหรือชะลอการจัดงานดังกล่าวจากผู้ใหญ่ของกัมพูชาแต่อย่างใด จึงอยากให้ทุกฝ่ายควรรอความชัดเจนก่อน”

หากการจัดงานในครั้งนี้ไม่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายต่อความร่วมมือการขยายการค้าและการลงทุนรวมถึงการวางแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน เพราะไม่หาความขัดแย้งในช่วงที่ผ่านมาทำให้การท่องเที่ยวระหว่างกันลดลงอย่างน่าตกใจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ส่งผลกระทบทันทีต่อการค้าชายแดน และจิตวิทยาต่อการเดินทางไปกัมพูชาของนักธุรกิจไทย และการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งการค้าชายแดนในระยะสั้น จะเกิด 2 มิติ คือ การค้าชะงัก เพราะวิตกถึงความรุนแรงและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

อีกมิติหนึ่ง คือ ตื่นตระหนกจนเกิดการกักตุนสินค้าตามชายแดน เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะรุนแรง หรือยืดเยื้อ ซึ่งในเบื้องต้น น่าจะมีผลต่อการค้าชายแดนในทุกด่านหายไป ร้อยละ 20-30 หรือ เสียหายวันละ 30-50 ล้านบาท แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าเหตุการณ์ไม่น่าจะมีความรุนแรงขึ้นอีก เพราะจะไม่ส่งผลดีกับทั้งสองประเทศ

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ที่บริเวณเขาพระวิหารพื้นที่ทับซ้อนชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ จึงได้สั่งการให้ชะลอการจัดงาน Thailand Trade Exhibition 2110 เพื่อรอดูสถานการณ์ด้านความมั่นคงไปก่อน ซึ่งการจัดงานนี้เพื่อเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก

โดยสินค้าสินค้าที่จัดแสดงจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ของขวัญของตกแต่งบ้าน ดอกไม้ประดิษฐ์ สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องนุ่งห่ม และอาหาร จำนวนทั้งสิ้น 150 คูหา ในระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2554 ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา โดยคาดว่าจะมีรายได้เกิดขึ้นภายในงานไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท

หากดูมูลค่าการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ในปี 2553 มีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าค้าชายแดนประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยการส่งออกทางชายแดนของไทยไปกัมพูชาที่สระแก้ว มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 53.8 ของการส่งออกทางชายแดนทั้งหมดของไทยไปกัมพูชา

ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ก็ได้แสดงความเป็นห่วงต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ขณะที่ประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้ เชื่อว่ารัฐบาลไทยจะสามารถเจรจาหรือใช้วิธีทางการทูตเพื่อหาข้อยุติในหลายประเด็นได้ แต่ยังกังวลเรื่องการสร้างประเด็นของบางกลุ่ม ทั้งไทยและกัมพูชา เพราะอาจเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง

ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจ ส.อ.ท.มีความกังวลอย่างแน่นอน เนื่องจากชายแดนของทั้งสองประเทศมีการค้าเกิดขึ้นหลายหมื่นล้านบาท และฝ่ายไทยที่ขายสินค้าให้กับกัมพูชาเป็นส่วนใหญ่ การปะทะที่เกิดขึ้นอาจทำให้การค้าต้องหยุดชะงักลงได้