xs
xsm
sm
md
lg

กบง.โปะเงินอุ้มดีเซลอีกลิตรละ 65 สตางค์ คาดกองทุนฯ พยุงได้อีก 14 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มติที่ประชุม กบง.ให้ดึงเงินกองทุนน้ำมันอุ้มดีเซลเพิ่มอีก 65 สตางค์/ลิตร เพื่อไม่ให้ราคาเกิน 30 บาท รมว.พลังงาน เผยเงินกองทุนเหลือ2,010 ล้านบาท คาดใช้พยุงได้อีกแค่ 14 วัน หากอียิปต์ยังป่วน เม็ดเงินหมดหน้าตักแน่

นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอัตราการชดเชยราคาดีเซล บี3และดีเซล บี5 เพิ่มอีก 65 สตางค์ต่อลิตร เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้าน้ำมันมีค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นและไม่ต้องปรับขึ้นราคา เนื่องจากปัจจุบันค่าการตลาดน้ำมันของดีเซล บี3 อยู่ที่ 41 สตางค์ต่อลิตร และดีเซล บี5 อยู่ที่ 35 สตางค์ต่อลิตร เท่านั้น

ทั้งนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันมีการใช้เงินเพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 2.60 บาท จากเดิมที่ชดเชยอยู่ 1.95 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี5 ที่ระดับ 3.15 บาทต่อลิตร จากเดิมที่ชดเชยอยู่ 2.50 บาทต่อลิตร โดยคาดว่าจะส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลออกเพิ่มขึ้นวันละ 148.89 ล้านบาท โดยขณะนี้วงเงิน 5,000 ล้านบาทที่จัดสรรไว้ดูแลราคาดีเซล ได้ใช้ไปแล้ว 2,990 ล้านบาท ยังเหลือวงเงินอีก 2,010 ล้านบาท จะสามารถดูแลระดับราคาน้ำมันได้อีก 14 วัน

นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า กรณีที่ปั๊มคาลเท็กซ์ได้ปรับขึ้นราคาดีเซลไปก่อนหน้านี้ จนมีราคาอยู่ที่ 30.29 บาทต่อลิตร จะมีการปรับลดราคาลงมาหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคาลเท็กซ์ แต่หากมีราคาแพงกว่าผู้ค้าน้ำมันรายอื่นก็ไม่มีคนไปใช้บริการ ส่วนจะทำให้ราคาดีเซล บี3 และ บี5 สามารถปรับลดลงจากปัจจุบันที่มีราคาออยู่ที่ 29.99 สตางค์ต่อลิตร นั้น ช่วงนี้ไม่ปรับขึ้นราคาก็ดีแล้วเพราะหลังจากเพิ่มการชดเชยราคา บี3 ทำให้ค่าการตลาดมาอยู่ที่ 1.06 สตางค์ต่อลิตร ส่วนบี 5 อยู่ที่ 1.00 บาทต่อลิตร

“หลังจาก กบง.ชดเชยราคาน้ำมันทั้งดีเซล และบี-5 เพิ่มให้อีก 0.65 บาทต่อลิตรแล้ว ก็ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1 บาทต่อลิตร ซึ่งเห็นว่าเป็นระดับที่ผู้ค้าน้ำมันยังพอรับได้ โดยราคาขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊มจะยังไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนคาลเท็กซ์ที่ปรับขึ้นดีเซลไปก่อนหน้านี้ 30 สตางค์ต่อลิตรนั้น ก็ควรจะปรับลดลงเพราะชดเชยราคาให้แล้ว แต่ถ้าไม่ลงก็ขายไม่ได้เพราะแพงกว่าคนอื่น”

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากปัญหาปาล์มน้ำมันขาดแคลนและมีราคาสูงให้กับผู้ค้าน้ำมัน โดยจะประสานกับกรมสรรพสามิต ผ่อนผันให้ผู้ค้าน้ำมันที่เดิมแจ้งไว้จะจำหน่ายน้ำมัน บี5 ให้เปลี่ยนมาจำหน่ายน้ำมัน บี3 ได้ ซึ่งจะไม่เสียค่าปรับตามกฎระเบียบของกรมสรรพสามิตที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มแห่งชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกมนตรีเป็นประธาน ทางกระทรวงพลังงานได้เสนอแนวทางช่วยเหลือเพื่อลดการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศ โดยจะชะลอการผลิต บี5 ออกไป ชั่วคราว และปรับลดเกรดน้ำมันจาก บี3 มาเป็น บี2 แต่ที่ประชุมเห็นว่าจะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มเข้ามาอีก 1.2 แสนตัน จึงไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการดังกล่าว โดยยังคงให้จำหน่ายดีเซล บี3 และ บี5 ต่อไปได้ โดยให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ค้าน้ำมัน

ที่ประชุมยังคาดการณ์ว่า เหตุการณ์น้ำมันปาล์มขาดแคลนคงเป็นแค่ 2 เดือนนี้เท่านั้น เพราะเดือนเมษายน 2554 จะมีผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเงินกองทุนน้ำมันฯยังสามารถดูแลต่อไปได้ แต่หากวงเงิน 5,000 ล้าบาทหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะเป็นผู้พิจารณาหามาตรการอื่นมาเสริม รวมทั้งการขยายเพดานเงินกองทุนน้ำมันฯ ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น