บีโอไอ ชี้ กลุ่มยานยนต์-ชิ้นส่วน ยังเป็นดาวเด่นการลงทุนในปีนี้

บีโอไอ ชี้ กลุ่มยานยนต์-ชิ้นส่วน ยังเป็นดาวเด่นลงทุนในปีนี้ มั่นใจกรอบดูแลมลพิษในมาบตาพุด ไม่กระทบการลงทุน เพราะโดยภาพรวมแล้ว โรงงานเก่าก็จะได้ประโยชน์ เพราะหากลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ลดมลพิษ ก็จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม จากเดิมที่สิทธิประโยชน์อาจหมดสิ้นลงไปแล้ว ส่วนโรงงานใหม่ก็ได้ประโยชน์ เพราะมีความชัดเจนการลงทุน

นางหิรัญญา สุจินัย ทีปรึกษาการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม โดยระบุว่า กลุ่มยานยนต์-ชิ้นส่วน และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นดาวเด่นการลงทุนในปีนี้ ส่วนกรณีมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ให้ออกข้อกำหนดดูแลมลพิษในมาบตาพุด ไม่กระทบการลงทุน

นางหิรัญญา กล่าวเสริมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดกรอบการชักจูงเงินลงทุนใหม่ประมาณ 400,000 ล้านบาท ซึ่งทางบีโอไอคาดการณ์ว่าน่าจะทำได้ตามแผนที่กำหนด โดยในส่วนของข้อกำหนดที่ให้บีโอไอมาคิดรูปแบบการส่งเสริมการลงทุนในมาบตาพุด ที่เน้นเรื่องลดมลพิษ เชื่อมั่นว่า จะไม่กระทบการลงทุนแต่อย่างใด แม้หลายคนอาจมองว่าปิโตรเคมีอาจชะลอการลงทุนหลังจากชะลอเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่จากการประกาศความชัดเจนด้านการจัดการปัญหามลพิษ เดินหน้าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ได้ออกมาแล้ว ประกอบกับรัฐบาลกำหนดให้บีโอไอส่งเสริมด้วยการคำนึงเรื่องการลดมลพิษ ยิ่งทำให้เกิดความชัดเจนด้านการลงทุน ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้เวลาบีโอไอกำหนดแผนงานให้เสร็จใน 2-3 เดือนนี้

นางหิรัญญา กล่าวว่า มติ ครม.เศรษฐกิจ เรื่องการลดมลพิษ หากมองภาพรวมแล้ว โรงงานเก่าก็จะได้ประโยชน์ เพราะหากลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ลดมลพิษ ก็จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม จากเดิมที่สิทธิประโยชน์อาจหมดสิ้นลงไปแล้ว ส่วนโรงงานใหม่ก็ได้ประโยชน์เพราะมีความชัดเจนการลงทุน

ส่วนโรงงานเก่าที่จะขยายการลงทุนใหม่ๆ ก็ยังใช้เกณฑ์ ปลดปล่อยมลพิษ 80 ต่อ 20 นั่นคือ หากจะขยายเพิ่มต้องลงทุนลดมลพิษโรงงานเดิมและเหลือสัดส่วนไม่ก่อมลพิษปล่อยคืนสู่บรรยากาศร้อยละ 20 โดยได้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี และได้สิทธิประโยชน์ในสัดส่วนร้อยละ 70 ของเงินลงทุน

นางหิรัญญา ยังกล่าวด้วยว่า แม้ในขณะที่ทั่วโลกจะวิตกปัญหาเงินเฟ้อของจีน ที่รัฐบาลจีนอาจจะขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ แต่กรณีนี้จะไม่กระทบต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่แท้จริง เพราะเศรษฐกิจจีน-อินเดีย ที่ขยายตัว ความจำเป็นในการบริโภคจะมีขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น การใช้สินค้าที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันทั้งรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมียังมีเพิ่มขึ้น ประกอบกับการลงทุนอีโคคาร์ของไทยในรายอื่นๆ นอกเหนือจากนิสสัน ก็กำลังจะลงทุน

โดยจากภาพรวมทั้งหมดข้างต้น บีโอไอจึงเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนใหม่ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย และอุตสาหกรรมสนับสนุนของยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นดาวเด่น โดยปีที่แล้วไทยประสบปัญหาหลายด้านทั้งการเมือง-มาบตาพุด แต่เม็ดเงินของบีโอไอยังสูงถึงประมาณ 470,000 ล้านบาท