xs
xsm
sm
md
lg

7 เดือนลงทุนเหนือแค่ 7 พันล้าน บีโอไอเร่งเครื่องดันยอดแสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงใหม่ – รมว.อุตสาหกรรม โอ่ไตรมาสสุดท้ายมูลค่าส่งเสริมการลงทุนภาคเหนือเพิ่มแน่ 1 เท่าตัว รวมมูลค่า 1 แสนล้านบาท ด้านบีโอไอ สรุปยอด 7 เดือนมูลค่าส่งเสริมการลงทุนแค่ 7 พันล้านบาท เร่งออกมาตรการส่งเสริมการขอรับการลงทุนทั้งยกเว้นภาษี – ผ่อนกฎระเบียบอื้อ หวังกระตุ้นยอดทั้งปี

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดงาน “ผลักดันการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคเหนือ” ที่โรงแรมแชงกรี-ลา จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเร็วๆนี้ ว่า การเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่เพื่อกระตุ้นการส่งเสริมขอรับการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ในเขตภาคเหนือตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน มีโครงการที่ขอรับการลงทุน 370 โครงการรวมเม็ดเงินลงทุน 62,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จะเร่งออกมาตรการเพื่อพัฒนาศักยภาพของโครงการเหล่านี้ เนื่องจากภาคเหนือมีศักยภาพที่จะขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจได้อีก รวมทั้งการตกลงการค้าร่วมกับประเทศจีน ทำให้ภาคเหนือได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ซึ่งคาดว่าในไตรมาสที่ 4 มูลค่ารวมของการขอส่งเสริมการลงทุนในภาคเหนือทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 100,000 กว่าล้านบาท

“ภายหลังอาเซียนทำข้อตกลงร่วมกับจีน เชื่อว่าจะส่งผลดีโดยรวมต่อประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าในไตรมาสที่ 4 จะเห็นผลอย่างชัดเจน ตอนนั้นจะทำให้ภาคเหนือมีอัตราการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มอีก 1 เท่าตัว อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ปัญหาความไม่นิ่งทางการเมืองก็ยังน่าเป็นห่วงเล็กน้อย แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ เพราะการเมืองต้องแก้ด้วยการส่งเสริมการลงทุน เพราะนอกจากบีโอไอแล้ว ยังดึง เอสเอ็มอีแบงก์ เข้ามาร่วมปล่อยสินเชื่อด้วย” นายชาญชัย กล่าว

ด้านนางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2552 มูลค่าการส่งเสริมการลงทุนของภาคเหนือรวมทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท คิดเป็น 3.2% ของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นกิจการด้านเกษตรกรรมและผลผลิตทางการเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ และอุตสาหกรรมเบา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตลำพูน เชียงใหม่ และนครสวรรค์

บีโอไอได้ออกมาตรการพิเศษเพื่อเร่งรัดการลงทุนในปี 2552 ใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วยกิจการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน หรือพลังงานทดแทน กิจการที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง กิจการผลิตวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับเมกะโปรเจกต์ กิจการด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภาคอสังหาริมทรัพย์ และกิจการในอุตสาหกรรมทางการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีและผ่อนปรนกฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน

นอกจากนี้ยังมีมาตรการเสริมให้กิจการทุกประเภทที่ส่งเสริม หรืออยู่ในระหว่างส่งเสริม หากสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้จนถึงปี พ.ศ. 2555 ซึ่งมีเจ้าของกิจการหลายแห่งทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคให้ความสนใจเข้ามาปรึกษาบีโอไอจำนวนมาก

นางหิรัญญา กล่าวต่ออีกว่า มีกิจการประมาณ 1,000 กว่าแห่ง ทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค ที่ยังไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่หลังจากออกมาตรการนี้ พบว่ามีกิจการหลายแห่งให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าภายในปี 2552 นี้จะมีกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง

“บีโอไอตั้งเป้าเพิ่มการส่งเสริมการลงทุนอีก 1 เท่าตัวในเขตภาคเหนือ ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้า เนื่องจากกิจการหลายแห่งมีศักยภาพอยู่แล้ว รวมทั้งผลักดันให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะจะส่งผลดีโดยตรงต่อกิจการเอง ซึ่งภาคเหนือยังไม่มีกิจการใดที่จดทะเบียน แต่คาดว่าเร็วๆนี้จะมีอย่างแน่นอน” นางหิรัญญา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น