xs
xsm
sm
md
lg

สช.หารือ บีโอไอ ร่วมยกร่างพิจารณาการลงทุนใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สช.หารือ บีโอไอ ร่วมยกร่างกรอบแนวคิดพิจารณาการลงทุนใหม่ของอุตสาหกรรมสุขภาพ ชี้ ไม่เน้นระบบสุขภาพเชิงธุรกิจ เหตุแพทย์ย้ายจากรัฐสู่เอกชนเพิ่มขึ้น ผิดวัตถุประสงค์สนับสนุนจ้างงาน พร้อมฟังความเห็นจากภาคีที่เกี่ยวข้อง คาดเสร็จภายใน 5 เดือน ส่วน รพ.ที่ขอรับการสนับสนุนจากบีโอไอแล้ว ยังคงดำเนินการต่อ
 
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานร่วมของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงทิศทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสุขภาพให้สอดคล้องกับธรรมนูญระบบสุขภาพพ.ศ.2552 

โดยนพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)  หนึ่งในผู้ร่วมเข้าประชุม กล่าวว่า ทางเครือข่ายสุขภาพเสนอให้บีโอไอพิจารณาสนับสนุนอุตสาหกรรมสุขภาพที่ต้องการการสนับสนุนอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนส่วนมากไม่ได้ประสบปัญหาทางธุรกิจ และมีศักยภาพในการลงทุนอยู่แล้ว หากมีการส่งเสริมเรื่องการลงทุนในด้านบริการสุขภาพโดยหน่วยงานภาครัฐอย่างบีโอไอ อาจส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพโดยรวมอย่างมาก

เมื่อพิจารณาถึงการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่เป็นอยู่ขณะนี้ โดยพิจารณาควบคู่กับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งบีโอไอ จะพบว่า บีโอไอมีหน้าที่ส่งเสริมการลงทุนตามนโยบายของรัฐ ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมสุขภาพนั้น มีธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2552 ซึ่งกำหนดอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่มุ่งเน้นให้ระบบสุขภาพมีทิศทางไปสู่ธุรกิจ เมื่อมองถึงวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสนับสนุนการจ้างงาน ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ จะพบว่าเป็นการย้ายงานจากภาครัฐไปสู่ภาคเอกชนเพิ่มขึ้น การส่งเสริมของบีโอไอในส่วนนี้จึงไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนว่า ต้องมีการตกลงหลักการ และกรอบแนวทางร่วมเพื่อใช้ในการพิจารณาตัดสินใจส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมสุขภาพที่สอดคล้องกับธรรมนูญ ซึ่งตามกรอบเดิมระบุให้ส่งเสริมกิจการโรงพยาบาลขนาด 50 เตียงขึ้นไป ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ และทางบีโอไอมีมติจะขยายประเภทกิจการในการสนับสนุนเพิ่มขึ้น 5 กิจการคือ 1.กิจการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล (เกินกว่า 30 เตียง) 2.กิจการเวชศาสตร์ฟื้นฟู 3.ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง 4.ศูนย์บริการเทคโนโลยีทางการแพทย์ 5.กิจการ Logistic เพื่อการรักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้มติดังกล่าวถูกระงับไว้

“ในที่สุด ที่ประชุมมีข้อสรุปมอบให้ นักวิชาการจากทั้งสองฝ่าย นำโดย ดร.นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยี และนโยบายด้านสุขภาพ ร่วมกันยกร่าง หลักการ และกรอบแนวทางการพิจารณากิจการที่จะส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมสุขภาพที่สอดคล้องกับธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2552 โดยจะกลับมาเสนอให้คณะทำงานร่วมให้ความเห็น ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมผู้บริหารระดับสูง และผู้ทรงคุณวุฒิของทั้งสององค์กรอีกครั้ง จากนั้นจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานที่ดูแลระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กรมการแพทย์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภาคธุรกิจเอกชน และผู้บริโภค เป็นต้น แล้วจึงนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต่อไป โดยทั้งหมดนี้คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5 เดือน” 

ด้าน นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาการลงทุน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า ข้อเสนอจากการประชุมในวันนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้รับทราบเป็นการเบื้องต้นในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนข้อห่วงกังวลว่ามีสถานประกอบการที่ขอรับการสนับสนุนจากบีโอไอไว้ก่อนหน้านี้แล้วจะดำเนินการอย่างไรนั้น ตรงส่วนนี้ทางบีโอไอก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน ซึ่งใน 10 ปีที่ผ่านมา มีโรงพยาบาลขอรับการสนับสนุน 18 แห่ง โดยเป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียงขึ้นไป 6 แห่ง และโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง ลงมาอีก 12 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ดังนั้น การชะลอเรื่องนี้ไปก่อนจะไม่กระทบต่อการลงทุนอย่างแน่นอน 
กำลังโหลดความคิดเห็น