“สังศิต” แจงประชาวิวัฒน์พุ่งเป้า วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ หาบเร่แผงลอย เพราะเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเร่งด่วน ยันไม่มีช่องให้การเมืองเข้าไปหาผลประโยชน์เหมือนโครงการบ้านเอื้อฯ “เอแบคโพลล์” ยอมรับประชาวิวัฒน์จะทำให้รัฐบาลได้คะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังเงียบ แต่ไม่มีความยั่งยืนในการดำเนินการ จึงต้องพิสูจน์จากการบริหารจัดการของรัฐบาลต่อไป “มนตรี” แนะรัฐต้องมีความชัดเจน เพราะของฟรีไม่มีจริงในโลกนี้
นายสังศิต พิริยะสังสรรค์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า การประกาศนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนอาชีพต่างๆ ที่ยังประสบปัญหาในการดำรงชีวิต และกลุ่มคนที่ควรให้การช่วยเหลือเร่งด่วน คือ กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ หาบเร่แผงลอย เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับสวัสดิการเหมืนกับพนักงานบริษัท การได้รับสินเชื่อจากธนาคารของรัฐ ด้วยเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อให้มีทุนในการซื้อแท็กซี่คันใหม่ หรือมีเงินทุนหมุนเวียน
โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายกองทุนประกันสังคม เพื่อให้คนอาชีพอิสระเข้าเป็นสมาชิกกองทุน เช่น ส่งเงินเข้ากองทุน 70 บาท รัฐบาลสมทบให้ 30 บาท เพื่อรับการรักษาพยาบาล ดูแลทุพลภาพ หากส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาท รัฐบาลสมทบให้ 50 บาท เพื่อได้รับสิทธิเงินยังชีพเมื่อชราภาพ
อีกทั้งยังหากร่างกฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ก็จะผ่านสภาในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 จึงคาดว่าภายในปีนี้จะเริ่มดำเนินการได้ ทำให้แรงงานนอกระบบสามารถส่งเงินเข้ากองทุน กอช.ได้อีกส่วนหนึ่ง โดยหากส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาท รัฐบาลจะสมทบอีก 100 บาท เพื่อเป็นเงินทุนรองรับไว้ใช้หลังวัยเกษียณ
โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นการผูกพันทางกฎหมาย แม้จะเปลี่ยนรัฐบาลก็ยังเป็นสมาชิกกองทุนต่อไปได้จนเกษียณอายุทำงาน การกู้เงินจากธนาคารก็ต้องผูกพันไปจนชำระหนี้ได้จนครบกำหนด สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการดำเนินการได้ในระยะยาว และก่อนดำเนินโครงการให้ผู้มีส่วนได้เสีย คือ กลุ่มแท็กซี่ วินมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง หาบเร่แผงลอยมีส่วนร่วมในการเสนอแนะการช่วยเหลือ และแต่ละโครงการใช้เงินทุนไม่สูง จึงไม่มีช่องทางให้นักการเมืองเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ เหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาทร
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสุ่มตัวอย่างแผนประชาวิวัฒน์กับนายกฯ อภิสิทธิ์ 1,138 ครัวเรือน ใน 17 จังหวัด พบว่าร้อยละ 73 ยอมรับว่า มีความชัดเจนของนโยบาย โดยเฉพาะในการช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทาง รองลงมา หรือร้อยละ 62.5 คือ การช่วยแก้ปัญหาทางการเงินให้กลุ่มอาชีพแท็กซี่ รถรับจ้าง หาบเร่แผงลอย และร้อยละ 62 คือเรื่องหลักประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพ
แต่ส่วนหนึ่ง หรือร้อยละ 66.3 บอกว่า รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 56.6 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการกระจายที่ดิน และร้อยละ 49.1 ไม่ได้ความชัดเจนเรื่องการแก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และยังพบว่า ร้อยละ 68.7 เห็นว่าเป็นเรื่องเก่า แต่ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 67.3 มั่นใจว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชน
นายนพดลกล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า แผนประชาวิวัฒน์จะทำให้รัฐบาลได้คะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังเงียบ แต่จะได้เพียงความรู้สึกทางจิตวิทยาเท่านั้น เพราะตัวนโยบายพบว่าไม่มีความยั่งยืนในการดำเนินการ จึงต้องพิสูจน์จากการบริหารจัดการของรัฐบาลต่อไป
อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำแนวนโยบายประชาวิวัฒน์ ทั้ง 9 ข้อ เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานในแต่ละด้านเพื่อดำเนินนโยบายและติดตามผลให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ นักวิชาการคณะรัฐประสานศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หลายโครงการเป็นการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลต้องหาทางช่วยเหลือ แต่ให้คำนึงไว้ว่าไม่มีของฟรีในโลกนี้ เพราะแม้ประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย ไม่ต้องเสียค่าไฟ แต่รัฐบาลก็ต้องจ่ายแทนให้กับการไฟฟ้าส่วนต่างๆ อยู่ดี ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน
สำหรับการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ต้องมีกฎหมายรองรับให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นต่อไปในระยะยาวจะมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นว่า รัฐบาลชุดต่อไปจะดำเนินการส่งเงินให้อย่างไรบ้าง เมื่อรายได้รัฐบาลมีปัญหาในอนาคต สำหรับการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารของรัฐต้องปล่อยให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อตามมาตรฐาน เพราะหากมีปัญหาหนี้เสียรัฐบาลก็ต้องชดเชย ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนอีกเช่นกัน จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ