ท่องเที่ยววอน "แดง" ยุติชุมนุม-เดินหน้าเจรจา ชี้ หากถ่วงเวลายืดเยื้อเกิน 23 มี.ค. กระทบสงกรานต์แน่ คาดประเทศสูญรายได้มหาศาล รร.เชียงใหม่ ยอดจองวูบเหลือแค่ 20% "ชาร์เตอร์ไฟลต์จีน" ชะลอขนนักท่องเที่ยวบินเข้าไทย หอการค้าฯ ประเมินผลกระทบ 1 สัปดาห์ ศก.เสียหายหมื่นล้าน ททท.ทุ่มหนัก 30 ล้าน หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับคืนได้ 50% ห่วงหลายประเทศเพิ่มระดับการเตือน หากมีการต่ออายุ พ.ร.บ.มั่นคงฯ เพื่อดูแลการชุมนุม
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังไม่ยุติลงโดยง่าย แม้หลายฝ่ายจะเปิดทางให้มีการเจรจา โดยยอมรับว่า กำลังเป็นปัญหาใหญ่ต่อการท่องเที่ยว พร้อมระบุว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อเกินวันที่ 23 มีนาคม 2553 จะกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ แน่นอน
โดยผลสำรวจของทีเอชเอ ล่าสุดพบว่า อัตราเข้าพักโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร ลดลง 20%เหลือเพียง 30% จากปกติช่วงเวลาที่อัตราเข้าพักจะเฉลี่ยอยู่ที่ 50% โดยบางรายมีการเช็กเอาต์ก่อนกำหนด เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์
“ช่วง 2 เดือนก่อน แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติดีมาก อัตราเข้าพักเติบโต 20% เทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่จะสามารถปรับขึ้นราคาห้องพักได้ หากสถานการณ์ทางการเมืองสามารถเข้าสู่ปกติโดยเร็ว ซึ่งจากข้อมูลเดิม เมื่อเมษายนปีก่อน เหตุความวุ่นวายทางการเมือง ทำให้ท่องเที่ยวต้องใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะฟื้นตัว”
ขณะเดียวกัน สมาคมโรงแรมมีความเป็นห่วงสถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ เพราะยอดการจองโรงแรมที่เชียงใหม่มีเพียง 20% จากทุกปีช่วงเวลานี้ยอดจองจะพุ่งไปถึง 50-60% แล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายเร่งยุติการชุมนุมโดยเร็ว
นายอาชว์ เตาลานนท์ กรรมการสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงยังมีการชุมนุมยืดเยื้อ อาจจะมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวมีการชะลอตัว และนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยจะลดลง และอาจมีผลต่อเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้
ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพบว่า การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเสื้อแดงที่ยืดเยื้อ ได้มีผลให้โครงการจัดชาร์เตอร์ไฟลต์ประจำ ซึ่งบินตรงจากปักกิ่งเข้าสุวรรณภูมิ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน เที่ยวละ 168 ที่นั่ง ต้องทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง จากเดิมที่จะเริ่มบินมาในวันที่ 10 เมษายน 2553 นี้ ซึ่งจีนจะขอดูสถานการณ์การการเมืองของไทยก่อนว่าจะไปในทิศทางใด
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ยืดเยื้อเกิน 1 สัปดาห์ คาดว่าไทยจะสูญเสียเม็ดเงินประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวโยงกับการชุมนุมโดยตรง เช่น การค้าขายใกล้พื้นที่การชุมนุม กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เนื่องจากประชาชนจะชะลอการจับจ่ายใช้สอย เพื่อรอดูสถานการณ์การเมืองก่อน
ทั้งนี้ ในวันที่ 23 มีนาคม 2553 จะครบกำหนดการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งหากการชุมนุมยังยืดเยื้อ และมีการประกาศต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ภาคเอกชนเชื่อว่าจะไม่เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว เพราะหลายประเทศที่ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย อาจมีความไม่มั่นใจและเพิ่มระดับการเตือนสูงขึ้น
นายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย โอเชียเนีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.เตรียมพร้อมในการวางแผนกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวเป็นพิเศษสำหรับตลาดเอเชีย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยจะเร่งนำแผนการตลาดที่เตรียมไว้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน มาปฏิบัติให้เร็วขึ้น รวมทั้งโยกงบประมาณปกติในการทำตลาดเอเชียรวม 20-30 ล้านบาท มาทำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ทันที
ทั้งนี้ ผู้บริหารได้หารือกับสำนักงาน ททท.13 แห่งในเอเชีย ให้เตรียมแผนโฆษณาล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าโฆษณาดังกล่าวจะออกมาพร้อมกันภายในปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ จะเพิ่มความถี่การโฆษณาหลังจากเหตุการณ์การชุมนุมยุติให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน พร้อมกันในทุกตลาด อีกทั้งยังเชื่อว่าการเชิญสื่อ 250 คนจากทั่วโลก เข้ามาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย วันที่ 23 มีนาคม 2553 ตามโครงการ 50 ปี ททท. ก็จะทำให้สื่อต่างชาติสามารถเห็นประเทศไทยในสถานการณ์จริง และสามารถสื่อสารไปยังประเทศต่างๆ ได้หลังจากนี้
"ททท.ต้องการโหมใช้เทศกาลสงกรานต์มาเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดและดึงนักท่องเที่ยวเอเชียกลับไทย โดยในช่วงเดียวกันนั้น คาดว่ามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าจะมีผลปฏิบัติทันที ทำให้ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากขึ้น และมั่นใจว่าอย่างน้อยแผนการที่รวดเร็วนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวเอเชียที่ฟื้นตัวกลับมาช่วงสงกรานต์ได้มากกว่า 50% จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนหน้านี้"
นอกจากนี้ ททท.ได้ใช้โอกาสนี้สื่อสารกับเอเย่นต์และหน่วยงานท่องเที่ยวจีนถึงการมีศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (ศอช.) เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวช่วงเหตุการณ์ชุมนุม ซึ่งเอเย่นต์จีนส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจสถานการณ์และพร้อมจะนำนักท่องเที่ยวเข้ามาหลังจากวันที่ 23 มีนาคม 2553 นี้
