xs
xsm
sm
md
lg

พิษม็อบแดง พาท่องเที่ยวลงหลุม ต่างชาติงดเข้าไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เริ่มส่งพิษกระทบกระทบต่อการท่องเที่ยวขยายวงกว้างแล้ว สำหรับกรณีการประท้วงของม็อบเสื้อแดง โดยเฉพาะในกลุ่มของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ผวาภัยม็อบ ได้ยกเลิกการเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก อาทิ ตลาดไมซ์ยกเลิกและชะลอการตัดสินใจเข้าไทย จีน งดเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์ไปแล้วกว่า30ลำ ลาวประกาศเตือนภัยระดับ4 ให้ทบทวนการเดินทางเข้าไทย ด้านแอตต้าแนะรัฐ-นชป.เจรจาผ่านโทรทัศน์

ศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร ประธานกิติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน กล่าวว่า ล่าสุด รัฐบาลในหลายมณฑลของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เริ่มส่งหนังสือถึงบริษัทนำเที่ยวในประเทศจีนให้หยุดส่งนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย ขณะเดียวกัน ยังติดต่อมายังบริษัทนำเที่ยวในประเทศไทย เพื่อตรวจสอบจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังอยู่ในประเทศไทยให้เดินทางกลับ

“ยอมรับว่า 12 วัน ของการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐบาลจีนและในหลายประเทศเฝ้าติดตามสถานการณ์ โดยจีนชะลอที่จะส่งนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยในช่วงนี้ จากปกติที่จะเดินทางเข้ามาเฉลี่ยวันละ 3 พันคน รวม 12 วัน 3.6 หมื่นคน สูญเงินกว่า 1 พันล้านบาท ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความเชื่อมั่นต่างชาติก็จะลดลง และ ทัวร์ก็จะไม่เข้ามาประเทศไทย”

นอกจากนั้น เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่คาดว่า จะมาจากประเทศจีนกว่า 100 ลำ ล่าสุด หายไปแล้วกว่า 30 ลำ ดังนั้น หากการชุมนุมยืดเยื้อเกินวันที่ 5 เม.ย.นี้ กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจก็จะไม่เดินทางมาแน่นอน จากปกติที่ตลาดจีนจะเดินทางมาเฉลี่ยเดือนละ 1 แสนคน แต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเพิ่มเป็นมากกว่า 1 แสนคน แต่เหตุการณ์ไม่ปกติเขาก็จะไม่เดินทางมา

ด้าน ฟรองซัว เกอร์โนลด์ กรรมการแอตต้าและ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรานส์ แทรเวล (ไทยแลนด์) จำกัด ดำเนินธุรกิจทัวร์อินบาวนด์จากประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ภาพรวมจะกระทบต่อนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียมากกว่ายุโรป แต่หากการชุมนุมเกิดความรุนแรง จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะทำให้ นักท่องเที่ยวจากทุกตลาดหยุดเดินทางเข้ามาประเทศไทยทั้งหมด ทั้งที่สงกรานต์เป็นเทศกาลชาวต่างชาติให้ความนิยมมาก โดยเฉพาะสงกรานต์ถนนข้าวสาร เห็นได้จากปีก่อนที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ตลาดยุโรป และ อเมริกา หดหายไปทันที

ทางด้าน ประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการ ด้านสื่อสารการตลาด ททท. ในฐานะโฆษก ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว หรือ ศอช.กล่าวว่า ยังไม่มีประเทศใด เพิ่มระดับคำแนะนำนักท่องเที่ยว ส่วนที่มีสำนักข่าวต่างประเทศ ว่า ออสเตรเลียประกาศเตือนภัยเข้าไทยระดับสูงสุดนั้น

ล่าสุด ททท.ได้ตรวจสอบไปยังสถานทูตออสเตรเลีย พบว่า ระดับคำแนะนำอยู่ในระดับ 3 ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุม ส่วนจีน ก็ยังแนะนำในระดับ 2 แต่สถานทูตจีนได้สอบถามเข้ามายังบริษัททัวร์ในไทย เพื่อแจ้งสถานที่อยู่ของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย ซึ่ง ททท.ขอยืนยันว่า ข้อมูลของ ททท.เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง โดยมีการตรวจเช็กโดยตรงกับรัฐบาลแต่ละประเทศ

ส่วนทางด้านของ สุรพล ศรีตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ต้องการให้สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มเสื้อแดง ยุติโดยเร็ว โดยให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่าย นปช.ส่งตัวแทนมาเปิดเวทีเจรจาหารือ พร้อมถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ทราบแผนปฏิบัติการของทั้งสองฝ่ายเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมา การแต่งตั้ง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในการเจรจากับฝ่าย นปช.นั้น มองว่า ภาพการเจรจายังไม่ชัดเจนนัก ถ้าจะให้ดีควรจัดเวทีให้เจรจาผ่านโทรทัศน์จะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม แอตต้าจะใช้วิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาแล้วเป็นทางเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย เช่น หากไม่เที่ยววัดพระแก้ว ก็หันไปเที่ยววัดอรุณ หรือวัดระฆัง ทดแทน หรือ ไม่เที่ยวกรุงเทพฯ ก็ไปเที่ยว อยุธยา หรือ กาญจนบุรี ทดแทน เป็นต้น

ทั้งนี้ เบื้องต้นยอมรับว่าผลจากการชุมนุมกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวใน “โครงการทรานเฟอร์พาสเซ็นเจอร์” เพราะส่วนใหญ่นิยมที่จะใช้เวลาที่รอเปลี่ยนเครื่อง ออกมาเดินทางท่องเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง และ วัดพระแก้ว ซึ่งเป็นเส้นทางการชุมนุม ทำให้นักท่องเที่ยวจึงตัดสินใจที่จะรอเปลี่ยนเครื่องอยู่ที่สนามบินดีกว่า ประกอบกับช่วงนี้จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมเริ่มน้อยเนื่องจากเป็นโลว์ซีซัน

นายสุรพล กล่าวว่า แอตต้าไม่ต้องการให้การชุมนุมยืดเยื้อ เพราะยิ่งนานยิ่งจะกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงอยากให้ทุกฝ่ายหาข้อสรุปให้สถานการณ์กลับเป็นปกติภายในวันที่ 23 มี.ค.53 ตามประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะจะได้เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย.ล่าสุด ตลาดที่เริ่มชะลอการเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้วขณะนี้ คือ ฮ่องกง จีน และเกาหลี

ซึ่งทาง ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ยอมรับว่าส่งผลกระทบในเชิงของรายได้จากการท่องเที่ยวและบริโภคภายในประเทศชะลอตัว ส่วนผลกระทบจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นกับระยะเวลาของการชุมนุมและความรุนแรงของสถานการณ์ หากการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบและจบโดยเร็ว เชื่อว่าจะไม่มากนักและน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าที่จะมีการชุมนุมแบบยืดเยื้อหรือมีสถานการณ์ที่รุนแรง

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองก็อยู่ในแดนบวกและผู้ลงทุนต่างชาติยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง เข้าใจว่าเป็นเพราะนักลงทุนให้ความสนใจหลังจากที่ประเมิณเหตุการณ์ไม่น่าจะรุนแรงอะไร ส่วนยอดเบิกจ่ายเงินของธนาคารพาณิชย์ในช่วงนี้คงเป็นไปตามปกติไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

“คงต้องดูว่าจะยืดเยื้อและรุนแรงหรือไม่ ตลาดหุ้นไทยเองก็ดูเหมือนจะดีขึ้นถ้าความมั่นใจไม่ถูกกระทบก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่สุด

ทาง เอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย – ญี่ปุ่น รายงานถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นขณะนี้ว่า การตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะไม่มากเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ผลของความกังวลสะท้อนผ่านยอดจองเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เริ่มชะลอช้ากว่าปกติ จนถึงตอนนี้ญี่ปุ่นยกเลิกการเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 10% โดยเฉพาะในกลุ่มนักเดินทางไมซ์ นักท่องเที่ยวอินเซนทีฟ และนักท่องเที่ยวเอฟไอที โดยโรงแรมอิพีเรียล ควีน ปาร์ค มีการยกเลิกห้องพักกว่า 1,000 ห้องในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป ฟรองซัวร์เกอโนลท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรานส์ ทราเวล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบการทัวร์อินบาวด์ ประเทศแถบยุโรป กล่าวว่า ปัญหาการชุมนุมตามระบบประชาธิปไตยแม้ไม่ใช่ปัญหากับนักท่องเที่ยวยุโรป แต่หากสถานการณ์รุนแรงจนต้องการมีการประกาศพรก.ฉุกเฉิน นอกจากนักท่องเที่ยวเอเชียที่อ่อนไหวจะไม่เดินทางมาในประเทศไทยแล้ว ประเทศแถบยุโรปถ้าจะไม่เดินทางเข้ามาเช่นกัน เพราะความมั่นใจด้านความ

เสกสรรค์ นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว กล่าวว่า ในวันที่ 12 – 23 มี.ค. มีการถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตและจะเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย 22 เรื่อง จาก 11 ประเทศ แบ่งเป็น โฆษณา 12 เรื่อง สารคดี 6 เรื่อง ภาพยนตร์เรื่องยาว 2 เรื่อง และมิวสิควีดีโอ 2 เรื่อง โดยกองถ่ายที่ได้รับผลกระทบจริงๆ คือกองถ่ายโฆษณาของอินโดนีเซียซึ่งจะเริ่มถ่ายทำวันที่ 12 มี.ค. ที่เซ็นทรัลเวลด์ เนื่องจากหวั่นเกรงต่อสถานการณ์ ประกอบด้วย อังกฤษ ปากีสถาน ญี่ปุ่น เกาหลี และ ออสเตรเลีย

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการประชุมและสัมมนา(ไมซ์) โดยสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) หรือ ทิก้า รายงานว่า สถานการณ์ด้านการเมืองทำให้การประชุมสัมมนาถูกยกเลิก และชะลอการตัดสินใจออกไป ซึ่งในอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งเป็นการเดินทางของคนจำนวนมากและให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยสูง ก็มีโอกาสทำให้นักเดินทางไมซ์เปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศอื่นๆ แทน เป็นผลให้อุตสาหกรรมไมซ์ปีนี้คงไม่สามารถเติบโตตามเป้า 25% ได้ โดยจะมีรายได้ราว 45,000 ล้านบาท เท่ากับปี 2551 จากที่คาดว่าจะทำได้ 785,816 คน สร้างรายได้ 56,950 ล้านบาท

ทั้งนี้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จากตัวเลขของหอการค้าจีน ระบุว่า ได้มีการยกเลิกการเดินทางมาไทยมากถึง 50% ล่าสุด ลาว เป็นประเทศที่ 38 ที่ประกาศแนะนำนักท่องเที่ยว โดยเตือนในระดับ 4 คือ ให้ทบทวนการเดินทาง โดยขณะนี้มีประเทศที่ประกาศ Travel Advisory ที่ 37 ประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น