ธปท.เผยเศรษฐกิจ ธ.ค.ขยายตัวดี ชี้ "เกษตร-ท่องเที่ยว-แรงงาน" เป็นกลไกหลักปี 53 ในการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศที่มีนัยสำคัญ แนะติดตามอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน ซึ่งฟื้นตัวช้ากว่าที่ควร พร้อมเสนอให้รัฐต้องเข้าไปดูรายละเอียดของปัญหา
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือนธันวาคม 2552 โดยระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจทุกด้านขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายน 2552 และกระจายตัวในแต่ละภาคเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเป็นการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ สอดคล้องกับภาคการผลิตที่กลับมาขยายตัวหลังจากแผ่วลงไปเล็กน้อยในเดือนก่อน และเป็นการปรับตัวดีขึ้นในทุกสาขาการผลิต
ทั้งนี้ การปรับตัวดีขึ้นของการจ้างงาน รายได้เกษตรกร และรายได้จากการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ และเป็นแรงส่งที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจนในระยะต่อไป ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้เริ่มมีแรงกดดันด้านราคาเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น และสัญญาณการตึงตัวของตลาดแรงงานในบางอุตสาหกรรม
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้ช่วยผู้ว่าการสาย นโยบายการเงิน ธปท.กล่าวว่า การใช้จ่ายภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้ภาคเกษตรที่เร่งตัวขึ้น ขณะที่การส่งออกก็เร่งตัวขึ้นด้วย ด้านการผลิตที่เคยแผ่วในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 พอย่างเข้าเดือนธันวาคม 2552 ก็ขยับตัวขึ้นมาค่อนข้างดี ซึ่งเป็นธรรมชาติของการปรับตัวของอุปสงค์และอุปทาน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 1.3% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2552 แต่ยังปรับตัวลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหามาบตาพุด ซึ่งยังจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการจ้างงานและการลงทุนในระยะต่อไปด้วย
สำหรับรายได้ภาคเกษตรและท่องเที่ยวแม้ว่าจะขยายตัวได้ดี แต่ในระยะต่อไปก็ยังต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด โดยในด้านรายได้เกษตรกรที่ขยายตัว 11% นั้น ยังต้องดูว่าจากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้นจะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์มากน้อยแค่ไหนในระยะต่อไป เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นตัวแปร ได้แก่ โรคระบาด โดยเฉพาะในการเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง ขณะที่ข้าวนาปรังก็ต้องดูปริมาณน้ำในเขื่อนที่อาจจะกระทบต่อผลผลิต
ด้านการท่องเที่ยวนั้น ในเดือนธันวาคม 2552 ตัวเลขนักท่องเที่ยว 1.68 ล้านคน ขยายตัวขึ้นมากถึง 45.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่โครงสร้างนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป จากที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากตะวันตกทั้งสหรัฐและยุโรป มาเป็นเอเชียมากขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบด้านรายได้การท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวเอเชียใช้เวลาพำนักในประเทศสั้นกว่า ซึ่งจะกระทบอัตราการเข้าพักและการใช้จ่าย ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ก็ยังต้องติดตามอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานซึ่งฟื้นตัวช้ากว่า ก็จะต้องเข้าไปดูรายละเอียดของปัญหา
ส่วนกรณีที่ทางการจีนมีมาตรการเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อว่า แม้หลายฝ่ายจะคาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2553 จะขยายตัวเดป็น 2 digit แต่หากการปล่อยสินเชื่อชะลอตัวก็อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อเศรษฐกิจ และอาจกระทบมาถึงการส่งออกของไทย แต่ก็มองว่าสินค้าไทยที่ส่งออกไปจีนส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่จีนรับไปผลิตเป็นสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป จึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก