"เพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน" นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ ศึกษาคำพิพากษาเพื่อทวงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ นอกเหนือจาก 4.6 หมื่นล้าน ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา นายกฯ ยืนยัน รัฐบาลไม่ได้เป็นคู่กรณีกับ นช.ทักษิณ แต่ดำเนินการในฐานะผู้ดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติ ชาติที่ นช.แม้วไม่เคย "สำนึกบุญคุณ"!!...
"กรณ์ จาติกวณิช" ในฐานะรัฐมนตรีคลัง เด้งรับด้วยการมอบหมายให้กรมสรรพากรและรัฐวิสาหกิจในสังกัด "ลงมือทันที" เห็นว่าบอกเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ จะไม่สั่งการรายวันให้ปากเปียกปากแฉะ อีกแล้ว "สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์" ทราบแล้วเปลี่ยน!!!...
ไปกันที่ การประชุม ป.ป.ช .ชุดใหญ่ วานนี้ (2 มี.ค.) "ภักดี โพธิศิริ" รายงานคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ป.ป.ช. มีทั้งหมด 4 เรื่อง...
แบ่งเป็น กรณี "วีระ สมความคิด" กล่าวหา นช.ทักษิณจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง "ขณะนี้มีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบแล้ว"...
ที่เหลือเป็นกรณีที่ คตส.ส่งมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ มีทั้งสิ้น 3 รายการ ประกอบด้วย 1.เรื่องกล่าวหาบอร์ดบริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น บอร์ดบริหารฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการบัตรเติมเงินมือถือแบบจ่ายเงินล่วงหน้า หรือพรีเพดโดยมิชอบ 2.เรื่องกล่าวหาบอร์ด ทศท. ผู้บริหาร ทศท. และผู้บริหาร กสท โทรคมนาคม แก้ไขสัญญาอนุญาตให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ดำเนินการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วมหรือโรมมิ่งระหว่างผู้ให้บริการรายอื่น และอนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายจากการโรมมิ่ง ก่อนนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้ให้กับ ทีโอที และปรับลดอัตราค่าใช้จ่ายเครือข่ายร่วมระหว่าง กสท โทรคมนาคม กับบริษัทดิจิตอลโฟน...
3.เรื่องกล่าวหาการอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบด้วยสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินแซทเทลไลท์ และอนุมัติให้ใช้เงินสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศอันเป็นการขัดต่อสัญญาสัมปทานโครงการ ดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินแซทเทลไลท์ จำกัด และกล่าวหาการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานฯ ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 เพื่อลดสัดส่วน การถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯที่ต้องถือในบริษัทชินแซทฯ จากไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น
"ป.ป.ช.จะขอคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์จากศาลฎีกาฯ มาประกอบการตรวจสอบ หลังจากก่อนหน้านี้ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงไปก่อนแล้ว"
ปิดท้ายกันที่ หุ้นกลุ่มชินคอร์ป "ร่วง" ยกแผง ทั้ง ADVANC THCOM และ SHIN รับผลกรรมติดจรวด แบบไม่ต้องรอชาติหน้า...ราคาหุ้น ADVANC หรือ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ปิดที่ 84.25 บาทต่อหุ้น ลดลง 3.75 บาท ติดลบ 4.26% มูลค่าการซื้อขาย 2,520 ล้านบาท ติดอันดับ 1 หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด ส่วนหุ้น SHIN หรือ ชิน คอร์ปอเรชั่น ปิดตลาดที่ 28 บาท ลดลง 1 บาท หรือติดลบ 3.45%ขณะที่หุ้นไทยคม หรือ THCOM ปิดตลาดที่ 5.40 บาท ลดลง 0.65 บาท หรือติดลบ 10.74% มูลค่าการซื้อขายจากที่เคยอยู่ที่ 10-20 ล้าน เพิ่มเป็น 178 ล้าน!!!
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ ส่วนใหญ่ปิดบวก โดยดัชนีปิดที่ 733 จุด บวก 11 จุด บ่งบอกถึงคนส่วนใหญ่"เชื่อมั่น" ในคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ยกเว้นผู้บริหารไทยคมและแอดวานซ์ ยอมรับหรือไม่ๆ รู้ๆ แต่ยังตะแบงว่าทั้ง THCOM และ ADVANC ไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดียึดทรัพย์ คำพิพากษาจึงไม่ได้มีผลต่อบริษัทฯ...เชื่อดีมะ!!!...
"กรณ์ จาติกวณิช" ในฐานะรัฐมนตรีคลัง เด้งรับด้วยการมอบหมายให้กรมสรรพากรและรัฐวิสาหกิจในสังกัด "ลงมือทันที" เห็นว่าบอกเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ จะไม่สั่งการรายวันให้ปากเปียกปากแฉะ อีกแล้ว "สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์" ทราบแล้วเปลี่ยน!!!...
ไปกันที่ การประชุม ป.ป.ช .ชุดใหญ่ วานนี้ (2 มี.ค.) "ภักดี โพธิศิริ" รายงานคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ คดียึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ป.ป.ช. มีทั้งหมด 4 เรื่อง...
แบ่งเป็น กรณี "วีระ สมความคิด" กล่าวหา นช.ทักษิณจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง "ขณะนี้มีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบแล้ว"...
ที่เหลือเป็นกรณีที่ คตส.ส่งมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ มีทั้งสิ้น 3 รายการ ประกอบด้วย 1.เรื่องกล่าวหาบอร์ดบริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น บอร์ดบริหารฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการบัตรเติมเงินมือถือแบบจ่ายเงินล่วงหน้า หรือพรีเพดโดยมิชอบ 2.เรื่องกล่าวหาบอร์ด ทศท. ผู้บริหาร ทศท. และผู้บริหาร กสท โทรคมนาคม แก้ไขสัญญาอนุญาตให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ดำเนินการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วมหรือโรมมิ่งระหว่างผู้ให้บริการรายอื่น และอนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายจากการโรมมิ่ง ก่อนนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้ให้กับ ทีโอที และปรับลดอัตราค่าใช้จ่ายเครือข่ายร่วมระหว่าง กสท โทรคมนาคม กับบริษัทดิจิตอลโฟน...
3.เรื่องกล่าวหาการอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบด้วยสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินแซทเทลไลท์ และอนุมัติให้ใช้เงินสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศอันเป็นการขัดต่อสัญญาสัมปทานโครงการ ดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินแซทเทลไลท์ จำกัด และกล่าวหาการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานฯ ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 เพื่อลดสัดส่วน การถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปฯที่ต้องถือในบริษัทชินแซทฯ จากไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น
"ป.ป.ช.จะขอคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์จากศาลฎีกาฯ มาประกอบการตรวจสอบ หลังจากก่อนหน้านี้ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงไปก่อนแล้ว"
ปิดท้ายกันที่ หุ้นกลุ่มชินคอร์ป "ร่วง" ยกแผง ทั้ง ADVANC THCOM และ SHIN รับผลกรรมติดจรวด แบบไม่ต้องรอชาติหน้า...ราคาหุ้น ADVANC หรือ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ปิดที่ 84.25 บาทต่อหุ้น ลดลง 3.75 บาท ติดลบ 4.26% มูลค่าการซื้อขาย 2,520 ล้านบาท ติดอันดับ 1 หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด ส่วนหุ้น SHIN หรือ ชิน คอร์ปอเรชั่น ปิดตลาดที่ 28 บาท ลดลง 1 บาท หรือติดลบ 3.45%ขณะที่หุ้นไทยคม หรือ THCOM ปิดตลาดที่ 5.40 บาท ลดลง 0.65 บาท หรือติดลบ 10.74% มูลค่าการซื้อขายจากที่เคยอยู่ที่ 10-20 ล้าน เพิ่มเป็น 178 ล้าน!!!
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ ส่วนใหญ่ปิดบวก โดยดัชนีปิดที่ 733 จุด บวก 11 จุด บ่งบอกถึงคนส่วนใหญ่"เชื่อมั่น" ในคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ยกเว้นผู้บริหารไทยคมและแอดวานซ์ ยอมรับหรือไม่ๆ รู้ๆ แต่ยังตะแบงว่าทั้ง THCOM และ ADVANC ไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดียึดทรัพย์ คำพิพากษาจึงไม่ได้มีผลต่อบริษัทฯ...เชื่อดีมะ!!!...