ม.หอการค้า คาดส่งออกไทยปี 53 ขยายตัวได้ 10.5% รับอานิสงค์กรอบเสรีการค้าอาฟต้า โดยมีแนวโน้มการขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ทิศทางการนำเข้าจะขยายตัว 14.4% ลุ้นการนำเข้าสินค้าทุนลุยเมกะโปรเจกต์
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการวิเคราะห์ทิศทาง ปัญหา และอุปสรรคภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยปี 2553 โดยระบุว่า ทางศูนย์มองว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะมีอัตราการเติบโตค่อนข้างดีโดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกสินค้าไปจีนและอาเซียนจะเพิ่มขึ้นจากกรอบการเปิดเสรีอาเซียนและอาเซียน-จีน ทำให้ส่งผลดีในกลุ่มอาหาร เกษตร และอุตสาหกรรมจะมีอัตราการขยายตัวมากขึ้น
นายอัทธ์ กล่าวว่า ทางศูนย์คาดว่าการส่งออกปี 2553 จะฟื้นตัวจากปี 2552 แต่จะฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะขยายตัวร้อยละ 10.5 จากที่ติดลบร้อยละ 15.1 ในปี 2552 ทำให้มูลค่าส่งออกปีนี้อยู่ที่ 166,907 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้า คาดว่าจะมีมูลค่าทั้งสิ้น 149,883 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวร้อยละ 14.4 จากที่หดตัวร้อยละ 26.7 ทำให้ปีนี้ไทยจะเกินดุลการค้าทั้งสิ้น 17,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่เกินดุล 19,956 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 รวมถึงดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะเกินดุล 18,474 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากที่เกินดุล 21,249 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจโลก รวมถึงภายใต้กรอบอาฟต้า จะทำให้การส่งออกของไทยปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ก็ตาม แต่ปัจจัยลบที่จะต้องติดตาม ได้แก่ การลดค่าเงินดองของเวียดนาม ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะปรับลดค่าเงินดองเพิ่มอีกหรือไม่ การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นในการส่งออกไปจีนของกลุ่มอาเซียนตามกรอบอาฟต้าและอาเซียน-จีน ทิศทางดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีทั้งจากประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) โดยจะให้เหตุผลด้านสุขอนามัย แรงงาน และสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกีดกันทางการค้า ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและยังผันผวนต่อเนื่อง
“แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นแต่สิ่งที่ต้องติดตามคือปัญหาดูไบเวิลด์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ ปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีเสถียรภาพจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการค้าของไทยกับประเทศคู่ค้า ปัญหามาบตาพุด เพราะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสร้างความเสียหายบรรยากาศการลงทุน หากปัญหายืดเยื้อก็จะยิ่งสร้างความเสียหายแก่ภาคเศรษฐกิจมากขึ้น ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ปัญหาให้เกิดความชัดเจน หากสถานการณ์เลวร้ายหลายปัจจัยรุมเร้าอาจทำให้คาดการณ์ตัวเลขการส่งออกอาจจะขยายตัวร้อยละ 6.4 นำเข้าขยายตัวร้อยละ 9.5” นายอัทธ์ กล่าวสรุป