ลุ้นเปิดหลักฐาน “บิ๊กบินไทย” ขนกระเป๋าฉาว คกก.ตวจสอบฯ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายเช็กอิน ตั๋วโดยสาร ฝ่ายการบริการภาคพื้นดิน และฝ่ายการขนสัมภาระขึ้นเครื่อง เพื่อรวบรวมหลักฐาน-ตรวจสอบข้อเท็จจริงวันนี้ พร้อมจี้ที่ประชุมบอร์ดต้องเอาจริง เพราะอาจกลายเป็นชนวนให้โครงสร้างองค์กรสั่นคลอนได้ และกลายเป็นจุดด่างให้บริษัท
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายวัลลภ พุกกะณะสุต ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) การบินไทย และภรรยา ใช้สิทธิตั๋วพิเศษหรือที่เรียกกันว่า บัตรโดยสาร DM-00 ซึ่งเป็นตั๋วฟรีสำหรับบอร์ดเดินทางจากโตเกียวมายังกรุงเทพฯ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 เที่ยวบิน TG677 ในชั้น First Class ที่นั่ง 4F และ 4E พร้อมใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นผู้บริหารขนกระเป๋าส่วนตัวถึง 40 ใบ น้ำหนักกว่า 600 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าน้ำหนักที่กำหนด และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมนั้น
เรื่องดังกล่าว นายแจ่มศรีระบุว่า คณะกรรมการตรวจสอบฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นเรื่อที่อยู่ในกระแสความสนใจ และได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายเช็กอิน ตั๋วโดยสาร ฝ่ายการบริการภาค พื้นดิน และฝ่ายการขนสัมภาระขึ้นเครื่อง มารวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ในวันนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม
ก่อนหน้านี้ มีบัตรสนเท่ห์และใบปลิวกระจายไปทั่วบริษัท โดยข้อมูลระบุอย่างชัดเจนว่า การกระทำดังกล่าวได้รับการอำนายความสะดวกผ่านนายสถานีนาริตะ และยังมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทให้ความร่วมมือในการรับผิดชอบกระเป๋าอีก 10 ใบ ซึ่งรวมกับ 40 ใบมีน้ำหนักถึงกว่า 600 กิโลกรัม พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยด้วยว่า สามารถนำกระเป๋าราว 40 ใบเข้าประเทศไทยได้อย่างไรโดยไม่มีปัญหาในขั้นตอนการผ่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เนื่องจากกระเป๋าทั้งหมดไม่ได้ผ่านไปยังสายพานลำเลียงกระเป๋า แต่มีการจัดการให้ไปเข้าระบบ Lost and Found (LL) หรือแผนกกระเป๋าหาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร
อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ เตรียมทำหนังสือถึงบอร์ดเพื่อขอให้พิจารณาแต่งตั้งสอบสวนนายวัลลภด้วย เพราะที่ผ่านมาไม่มีบอร์ดรายใดกล้าขนสัมภาระจำนวนมากเกินกว่าที่ระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้
“ยืนยันว่าคนการบินไทยไม่เคยมีใครมีอำนาจขนสัมภาระได้ถึง 520 กิโลกรัม การที่นายวัลลภให้สัมภาษณ์ว่าการขนกระเป๋าน้ำหนักเกินของคนการบินไทยถือเป็นเรื่องปกติ ทำให้สหภาพฯ และพนักงานการบินไทยทุกคนมองว่า นายวัลลภไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดต่อไป เพราะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย”
นางแจ่มศรีกล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้พนักงานการบินไทยให้ความสนใจปัญหานี้มาก เพราะที่ผ่านมา การบินไทยกำหนดให้พนักงานทำอะไร ไม่ทำอะไร ในภาวะที่บริษัทวิกฤต เมื่อพบพฤติกรรมของกรรมการที่กระทำไม่ชอบเอง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจว่าควรจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากยังนิ่งเฉยก็เชื่อว่าปัญหานี้จะขยายไปสู่ความขัดแย้งภายในองค์กรอย่างแน่นอน