คาดธุรกิจค้าปลีกน้ำมันปี 2552 จะฟื้นตัวกลับมาทำกำไรเป็นปีแรกในรอบ 4-5 ปี เหตุค่าการตลาดได้ในระดับที่เหมาะสม 1.50-1.60 บาทต่อลิตรจากอดีตตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจการกลั่นซึมต้นปีดีปลายปีร่วงเฉลี่ย 10 เดือนค่าการกลั่นรับไปเพียง 50-60 สตางค์ต่อลิตรที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1-1.50 บาทต่อลิตรหลัง ศก.โลกทรุดความต้องการต่ำ
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในปี 2552 จะเป็นปีแรกที่มีกำไรเนื่องจากผู้ค้าน้ำมันได้รับค่าการตลาดตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปีเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.50-1.60 บาทต่อลิตรซึ่งถือเป็นอัตราที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจหลังจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับค่าการตลาดต่ำกว่าระดับ 1.50 บาทต่อลิตร
สำหรับธุรกิจโรงกลั่นพบว่าปี 2552 มีค่าการกลั่นในระดับที่สูงในช่วงต้นปีแต่หลังจากนั้นลดต่ำลงต่อเนื่องส่งผลให้ค่าการกลั่นช่วงสิ้นปีอยู่ที่เพียง 20 สตางค์ต่อลิตรและเฉลี่ย 10 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่เพียงระดับ 50-60 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ขณะที่ค่าการกลั่นที่เหมาะสมควรจะอยู่ในระดับ 1-1.50 บาทต่อลิตรส่งผลให้ธุรกิจการกลั่นปีนี้ไม่ดีนัก
ทั้งนี้แนวโน้มธุรกิจการกลั่นและค้าปลีกน้ำมันในปี 2553 คงไม่ต่างจากปี 2552 มากนักหากเศรษฐกิจโลกค่อยๆ ฟื้นตัวเนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจโลกที่หลายฝ่ายคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างมากในต้นปี 2553 ก็ไม่ได้ฟื้นตัวจริงตามที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาส่งผลให้ความต้องการน้ำมันของโลกยังคงไม่ได้เพิ่มขึ้นไปจากเดิม ดังนั้นผู้ค้าน้ำมันคงจะมุ่งเน้นการสร้างความแตกแตกของสถานีบริการน้ำมันเพื่อดึงดูดลูกค้าแทนการลงทุนเพิ่มจำนวนสถานีบริการ
“การแข่งขันด้านค้าปลีกน้ำมันของไทยลดลงไปหลายปีแล้วเพราะยิ่งแข่งยิ่งขาดทุนทุกคนเลยหันมาปรับปรุงปั๊มให้ดีเพื่อดึงดูดลูกค้า กรณีปั๊มต่างชาติจะเน้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีคุณภาพสูง ปั๊มไทยก็จะเน้นการบริการ ธุรกิจเสริม ส่วนการลงทุนปั๊มใหม่นั้นต้องเป็นปั๊มขนาดใหญ่ซึ่งใช้เงินลงทุน 50-60ล้านบาทไม่รวมที่ดินซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงขณะที่ค่าการตลาดไม่ได้ดีมากนักจึงเชื่อว่าปี 2553 การลงทุนปั๊มใหม่จะยังคงมีต่ำอยู่”นายมนูญกล่าว
นายมนูญ กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันช่วงปลายปีนี้ว่า ปกติช่วงสิ้นปีราคาน้ำมันจะสวิงตัวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะราคาดีเซลเนื่องจากต่างประเทศจะใช้ในการทำความอบอุ่นเพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแต่ปรากฏว่าช่วงสิ้นปีปีนี้น้ำมันตลาดโลกกลับทรงตัวเพราะสต็อกน้ำมันที่สหรัฐอเมริกาค่อนข้างสูงเนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ได้ขยายตัวเพิ่มมากนักดังนั้นเฉลี่ยช่วงสิ้นปีนี้น้ำมันดิบคงจะไม่เกิน 75 เหรียญต่อบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ดิ่งลงเกือบ 2 เหรียญสหรัฐ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังสต๊อกน้ำมันกลั่นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม 53 ลดลง 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในปี 2552 จะเป็นปีแรกที่มีกำไรเนื่องจากผู้ค้าน้ำมันได้รับค่าการตลาดตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปีเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.50-1.60 บาทต่อลิตรซึ่งถือเป็นอัตราที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจหลังจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับค่าการตลาดต่ำกว่าระดับ 1.50 บาทต่อลิตร
สำหรับธุรกิจโรงกลั่นพบว่าปี 2552 มีค่าการกลั่นในระดับที่สูงในช่วงต้นปีแต่หลังจากนั้นลดต่ำลงต่อเนื่องส่งผลให้ค่าการกลั่นช่วงสิ้นปีอยู่ที่เพียง 20 สตางค์ต่อลิตรและเฉลี่ย 10 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่เพียงระดับ 50-60 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ขณะที่ค่าการกลั่นที่เหมาะสมควรจะอยู่ในระดับ 1-1.50 บาทต่อลิตรส่งผลให้ธุรกิจการกลั่นปีนี้ไม่ดีนัก
ทั้งนี้แนวโน้มธุรกิจการกลั่นและค้าปลีกน้ำมันในปี 2553 คงไม่ต่างจากปี 2552 มากนักหากเศรษฐกิจโลกค่อยๆ ฟื้นตัวเนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจโลกที่หลายฝ่ายคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างมากในต้นปี 2553 ก็ไม่ได้ฟื้นตัวจริงตามที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาส่งผลให้ความต้องการน้ำมันของโลกยังคงไม่ได้เพิ่มขึ้นไปจากเดิม ดังนั้นผู้ค้าน้ำมันคงจะมุ่งเน้นการสร้างความแตกแตกของสถานีบริการน้ำมันเพื่อดึงดูดลูกค้าแทนการลงทุนเพิ่มจำนวนสถานีบริการ
“การแข่งขันด้านค้าปลีกน้ำมันของไทยลดลงไปหลายปีแล้วเพราะยิ่งแข่งยิ่งขาดทุนทุกคนเลยหันมาปรับปรุงปั๊มให้ดีเพื่อดึงดูดลูกค้า กรณีปั๊มต่างชาติจะเน้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีคุณภาพสูง ปั๊มไทยก็จะเน้นการบริการ ธุรกิจเสริม ส่วนการลงทุนปั๊มใหม่นั้นต้องเป็นปั๊มขนาดใหญ่ซึ่งใช้เงินลงทุน 50-60ล้านบาทไม่รวมที่ดินซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงขณะที่ค่าการตลาดไม่ได้ดีมากนักจึงเชื่อว่าปี 2553 การลงทุนปั๊มใหม่จะยังคงมีต่ำอยู่”นายมนูญกล่าว
นายมนูญ กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันช่วงปลายปีนี้ว่า ปกติช่วงสิ้นปีราคาน้ำมันจะสวิงตัวค่อนข้างสูงโดยเฉพาะราคาดีเซลเนื่องจากต่างประเทศจะใช้ในการทำความอบอุ่นเพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแต่ปรากฏว่าช่วงสิ้นปีปีนี้น้ำมันตลาดโลกกลับทรงตัวเพราะสต็อกน้ำมันที่สหรัฐอเมริกาค่อนข้างสูงเนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ได้ขยายตัวเพิ่มมากนักดังนั้นเฉลี่ยช่วงสิ้นปีนี้น้ำมันดิบคงจะไม่เกิน 75 เหรียญต่อบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ดิ่งลงเกือบ 2 เหรียญสหรัฐ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังสต๊อกน้ำมันกลั่นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม 53 ลดลง 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
