กูรูการตลาด ชี้กลยุทธ์รับการตลาดปีเสือสินค้าเพื่อสุขภาพแข่งเดือด ทัพเครื่องดื่มต่างประเทศขานรับอาฟต้าแห่ทะลักเข้าไทย ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพบูม แนะต้องสร้างความเชื่อถือแบรนด์ อัดแคมเปญระยะสั้นแทนระยะยาว โหมการสื่อสารใช้ดิจิตอลมีเดีย โฟกัส 3 กลุ่มศักยภาพ ผู้สูงอายุ หญิงวัยทำงาน ชายเจ้าสำอาง ขุมทองปีหน้า
นางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน อดีตนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดปีหน้านี้นักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความมั่นใจในการซื้อสินค้า อีกทั้งจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ อาทิ การแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 จากคนสู่สัตว์เลี้ยง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าเพื่อสุขภาพ รวมถึงกลุ่มประกันภัย ฯลฯ
ส่วนในแง่ของการทำแคมเปญการตลาด ต้องดำเนินการในระยะสั้นมากกว่าจะจัดกิจกรรมยาว ขณะที่ด้านการสื่อสาร ต้องมีการผสมผสานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการใช้สื่อดิจิตอล เพื่อขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในระยะเวลารวดเร็ว
"ปีหน้าการแข่งขันตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากจะมีสินค้าเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากต่างประเทศ หลังจากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน มีผลทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่วนสินค้าไทยต้องปรับรับมือการทำตลาดภายในประเทศ และฉกฉวยโอกาสขยายตลาดต่างประเทศ"
ด้านกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและเป็นตลาดใหญ่ปีหน้านี้ มีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้สูงอายุ 50 ปี ขึ้นไป เพราะจะเป็นประชากรที่มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของประเทศไม่เกิน 20 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นลักษณะเดียวกับประเทศญี่ปุ่น มีกลุ่มผู้สูงอายุ 50 ปี สัดส่วน 80% ของประชากรโดยรวม 2.กลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน เพราะมีอำนาจในการซื้อ และการตัดสินใจซื้อถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ได้ง่ายกว่าผู้ชาย
3.กลุ่มผู้ชายเจ้าสำอาง สภาพตลาดจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาสินค้าจะเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าตลาดยังมีขนาดเล็กขณะที่ความต้องการของลูกค้าเริ่มมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยที่บริษัทกังวลในปีหน้า ยังคงเป็นการเมืองไทยที่ยังไม่มีเสถียรภาพ และหากราคาน้ำมันทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อาจมีผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นางสาวลักขณา กล่าวต่อว่า ปีหน้านี้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยังมีการเติบโตที่ดี เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพและความงาม และจากกระแสฟังก์ชันนัลดริงก์ที่มาแรง ยิ่งผลักดันให้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเติบโต และมั่นใจว่าฟังก์ชันนัลดริงก์จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะบริษัทมีแบรนด์วีต้า ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสกัดจากผลไม้ตอบโจทย์ได้ความงามและสุขภาพ และเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 6,000 ล้านบาท ปีหน้าเติบโต 10-15% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ดี เพราะตลาดเริ่มมีขนาดใหญ่ จากปีนี้ตลาดเติบโต 15-20% แบ่งเป็น ซุปไก่สกัด 3,000ล้านบาท รังนก 2,500 ล้านบาท และอีก 500ล้านบาท เป็นเซกเมนต์ผลไม้สกัดและซุปไก่ชนิดเม็ด สำหรับแผนการตลาดปีหน้าบริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและหันมาใช้สื่อดิจิตอลผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ล่าสุดในส่วนของบริษัทเซเรบอส ได้ทุ่มงบ 30ล้านบาท รุกการตลาดในช่วงปลายปีและต้อนรับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ 2 ชุด เพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายซื้อสินค้าของรังนกและซุปไก่่แบรนด์มอบเป็นของขวัญปีใหม่ และเพิ่มกระเช้าของขวัญจาก 6แบบ มาเป็น 9แบบ โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านคอลเซ็นเตอร์และทางเว็บไซต์พร้อมทั้งนำรังนกเนื้อทองวางจำหน่ายอีกครั้ง
“ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีและต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 14-15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวโดยติดลบ 3% จากการที่ประมาณว่าเศรษฐกิจไทยติดลบ 9% ดังนั้นคาดว่ายอดขายของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้” นางสาวลักขณา กล่าว
นางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน อดีตนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดปีหน้านี้นักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความมั่นใจในการซื้อสินค้า อีกทั้งจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ อาทิ การแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 จากคนสู่สัตว์เลี้ยง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าเพื่อสุขภาพ รวมถึงกลุ่มประกันภัย ฯลฯ
ส่วนในแง่ของการทำแคมเปญการตลาด ต้องดำเนินการในระยะสั้นมากกว่าจะจัดกิจกรรมยาว ขณะที่ด้านการสื่อสาร ต้องมีการผสมผสานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการใช้สื่อดิจิตอล เพื่อขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในระยะเวลารวดเร็ว
"ปีหน้าการแข่งขันตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพจะมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากจะมีสินค้าเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากต่างประเทศ หลังจากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน มีผลทำให้ภาษีเหลือ 0% ส่วนสินค้าไทยต้องปรับรับมือการทำตลาดภายในประเทศ และฉกฉวยโอกาสขยายตลาดต่างประเทศ"
ด้านกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและเป็นตลาดใหญ่ปีหน้านี้ มีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้สูงอายุ 50 ปี ขึ้นไป เพราะจะเป็นประชากรที่มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของประเทศไม่เกิน 20 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นลักษณะเดียวกับประเทศญี่ปุ่น มีกลุ่มผู้สูงอายุ 50 ปี สัดส่วน 80% ของประชากรโดยรวม 2.กลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน เพราะมีอำนาจในการซื้อ และการตัดสินใจซื้อถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์ได้ง่ายกว่าผู้ชาย
3.กลุ่มผู้ชายเจ้าสำอาง สภาพตลาดจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาสินค้าจะเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าตลาดยังมีขนาดเล็กขณะที่ความต้องการของลูกค้าเริ่มมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยที่บริษัทกังวลในปีหน้า ยังคงเป็นการเมืองไทยที่ยังไม่มีเสถียรภาพ และหากราคาน้ำมันทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อาจมีผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นางสาวลักขณา กล่าวต่อว่า ปีหน้านี้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยังมีการเติบโตที่ดี เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพและความงาม และจากกระแสฟังก์ชันนัลดริงก์ที่มาแรง ยิ่งผลักดันให้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเติบโต และมั่นใจว่าฟังก์ชันนัลดริงก์จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะบริษัทมีแบรนด์วีต้า ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสกัดจากผลไม้ตอบโจทย์ได้ความงามและสุขภาพ และเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 6,000 ล้านบาท ปีหน้าเติบโต 10-15% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ดี เพราะตลาดเริ่มมีขนาดใหญ่ จากปีนี้ตลาดเติบโต 15-20% แบ่งเป็น ซุปไก่สกัด 3,000ล้านบาท รังนก 2,500 ล้านบาท และอีก 500ล้านบาท เป็นเซกเมนต์ผลไม้สกัดและซุปไก่ชนิดเม็ด สำหรับแผนการตลาดปีหน้าบริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและหันมาใช้สื่อดิจิตอลผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
ล่าสุดในส่วนของบริษัทเซเรบอส ได้ทุ่มงบ 30ล้านบาท รุกการตลาดในช่วงปลายปีและต้อนรับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ 2 ชุด เพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายซื้อสินค้าของรังนกและซุปไก่่แบรนด์มอบเป็นของขวัญปีใหม่ และเพิ่มกระเช้าของขวัญจาก 6แบบ มาเป็น 9แบบ โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านคอลเซ็นเตอร์และทางเว็บไซต์พร้อมทั้งนำรังนกเนื้อทองวางจำหน่ายอีกครั้ง
“ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีและต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 14-15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวโดยติดลบ 3% จากการที่ประมาณว่าเศรษฐกิจไทยติดลบ 9% ดังนั้นคาดว่ายอดขายของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้” นางสาวลักขณา กล่าว