ผู้จัดการรายวัน – เอส เอส ยู พี มั่นใจเศรษฐกิจไม่กระทบรายได้ คิวท์เพรส จีเอ็นซี โอเรียนทอล ปริ๊นเซส สิ้นปีโต 20% กวาด 3 พันล้านบาท รุกปั้นขาที่ 3 กลุ่มเสริมอาหาร ปักธงลุยผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย ปูพรมเปิดตัว Co Q-10 อัดกลยุทธ์ราคาวางสินค้าลดลง 20% รับกำลังซื้อหดสาวไทย พร้อมแจกหนังสือ แอนตี้ เอจจิ้ง ไกด์ ป้อนข้อมูลลูกค้า สิ้นปีกวาดรายได้ 240 ล้านบาท โต 15%
นางสาวจันทร์สิริ กุลวราพร กรรมการ กลุ่มบริษัท เอส เอส ยู พี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง แบรนด์ คิวท์เพรส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้จะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ และกำลังการซื้อของผู้บริโภค แต่บริษัทกลับมองมาว่าเป็นโอกาสในการทำตลาดมากกว่า โดยปีนี้บริษัทได้วางแนวทางทำกลุ่มสินค้าในเครือให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ คิวท์เพรส และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ทั้งกรุ๊ปมีอัตราการเติบโต 20% หรือมีรายได้ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าคิวท์เพรสและโอเรียนทอล ปริ๊นเซส มีอัตราการเติบโต 30% ขณะที่อาหารเสริมจีเอ็นซีมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 10%
ล่าสุดได้ดำเนินการตลาดเชิงรุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี โดยแนวทางการตลาดบริษัทจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ และคาดว่าจะเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดลดน้ำหนักเป็นกลุ่มสินค้าที่มาไวและไปไวมากกว่า โดยเตรียมครึ่งปีหลังเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 รายการ นำร่องด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย Co Q-10 เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไปเป็นหลัก
ทั้งนี้แผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย บริษัทจะใช้กลยุทธ์วางราคาสินค้าถูกกว่าคู่แข่ง 20% ด้วยการจำหน่ายราคา 1,400 – 7,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวหนังสือคู่มือการดูแลสุขภาพ “แอนตี้ เอจจิ้ง ไกด์” โดยมีเนื้อหาเทคนิคคงความอ่อนเยาว์ กำจัดริ้วรอย กำจัดส่วนเกินเฉพาะส่วน ซึ่งจะแจกฟรีผ่านช่องทางจำหน่ายทุกสาขา นอกจากนี้ยังมีบริการทางโทรศัพท์ และเว็บไซต์ เพื่อเป็นการให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้บริโภค และขณะเดียวกันยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปีให้เพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่า 6,800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10% ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามการแข่งขันสินค้ากลุ่มลดน้ำหนักมีความรุนแรงโดยเฉพาะสินค้าในตลาดแมส ใช้กลยุทธ์ราคาเป็นหลัก ส่วนกลุ่มอื่นๆ ไม่มีความรุนแรงมากนัก และโดยมากจะแข่งขันด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
นางสาวจันทร์สิริ กล่าวถึงผลประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซีว่า ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 240 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 210 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 15% ทั้งนี้คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกกำลังกายมีสัดส่วนรายได้ 30% กลุ่มชะลอริ้วรอยและเพื่อความงาม 20% กลุ่มลดน้ำหนัก 20% ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นอื่นๆ ขณะที่ฐานสมาชิกคาดว่าเพิ่มจาก 4 หมื่นราย เป็น 5 หมื่นราย หรือมีอัตราการเติบโต 25%
นางสาวจันทร์สิริ กุลวราพร กรรมการ กลุ่มบริษัท เอส เอส ยู พี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง แบรนด์ คิวท์เพรส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้จะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ และกำลังการซื้อของผู้บริโภค แต่บริษัทกลับมองมาว่าเป็นโอกาสในการทำตลาดมากกว่า โดยปีนี้บริษัทได้วางแนวทางทำกลุ่มสินค้าในเครือให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ คิวท์เพรส และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ทั้งกรุ๊ปมีอัตราการเติบโต 20% หรือมีรายได้ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าคิวท์เพรสและโอเรียนทอล ปริ๊นเซส มีอัตราการเติบโต 30% ขณะที่อาหารเสริมจีเอ็นซีมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 10%
ล่าสุดได้ดำเนินการตลาดเชิงรุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี โดยแนวทางการตลาดบริษัทจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ และคาดว่าจะเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดลดน้ำหนักเป็นกลุ่มสินค้าที่มาไวและไปไวมากกว่า โดยเตรียมครึ่งปีหลังเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 รายการ นำร่องด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย Co Q-10 เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไปเป็นหลัก
ทั้งนี้แผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอย บริษัทจะใช้กลยุทธ์วางราคาสินค้าถูกกว่าคู่แข่ง 20% ด้วยการจำหน่ายราคา 1,400 – 7,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวหนังสือคู่มือการดูแลสุขภาพ “แอนตี้ เอจจิ้ง ไกด์” โดยมีเนื้อหาเทคนิคคงความอ่อนเยาว์ กำจัดริ้วรอย กำจัดส่วนเกินเฉพาะส่วน ซึ่งจะแจกฟรีผ่านช่องทางจำหน่ายทุกสาขา นอกจากนี้ยังมีบริการทางโทรศัพท์ และเว็บไซต์ เพื่อเป็นการให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้บริโภค และขณะเดียวกันยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปีให้เพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมูลค่า 6,800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10% ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามการแข่งขันสินค้ากลุ่มลดน้ำหนักมีความรุนแรงโดยเฉพาะสินค้าในตลาดแมส ใช้กลยุทธ์ราคาเป็นหลัก ส่วนกลุ่มอื่นๆ ไม่มีความรุนแรงมากนัก และโดยมากจะแข่งขันด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
นางสาวจันทร์สิริ กล่าวถึงผลประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซีว่า ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 240 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 210 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 15% ทั้งนี้คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกกำลังกายมีสัดส่วนรายได้ 30% กลุ่มชะลอริ้วรอยและเพื่อความงาม 20% กลุ่มลดน้ำหนัก 20% ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นอื่นๆ ขณะที่ฐานสมาชิกคาดว่าเพิ่มจาก 4 หมื่นราย เป็น 5 หมื่นราย หรือมีอัตราการเติบโต 25%