ที.ซี.แนลเชอรัล เร่งขยายช่องทางจำหน่าย รับมือยอดขายรีเทลวูบ ผุดธุรกิจแฟรนไชส์บลิ๊งค์ หวังทะลวงภูธร โหมรูปแบบคีออส-ชอป จ่อคิวปั้นสินค้าใหม่รองรับการเติบโต ตั้งเป้า 3 ปี สร้างรายได้หลักกวาด 200 ล้านบาท สิ้นปีผลประกอบการรวม 370 ล้านบาท โต 25%
นายปิติ กิตติธีรพรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.แนลเชอรัล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บลิ๊งค์ โอเม็กซ์-ทรี และ เวคกี้ เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายผ่านรีเทล ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนขยายช่องทางจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ภายใต้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม “บลิ๊งค์” โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจแฟรนไชส์
สำหรับการทำธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัทเจาะตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก เนื่องจากต้องการให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคต่างจังหวัดมากขึ้น โดยได้นำร่องธุรกิจแฟรนไชส์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด มีทั้งหมด 15 สาขา เป็นการลงทุนเองทั้งหมด ได้แก่ ที่สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า คาร์ฟูร์ เทสโก้ โลตัส เดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยโมเดลแฟรนไชส์มีทั้งหมด 2 แบบ คือ คีออส มี 3 รูปแบบ สัดส่วน 70% และ ชอป ขนาดพื้นที่ 20 ตร.ม.ในสัดส่วน 30% ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 1.5-4 หมื่นบาท
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดจึงได้เปิดตัวแฟรนไชส์บลิ๊งค์ จากที่ผ่านมาร้านค้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยังไม่มีรูปแบบร้านค้าที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สินค้าในแฟรนไชส์บริษัทจะลดปริมาณลง โดยปกติจะบรรจุ 60 แคปซูล เหลือเป็น 10-20 แคปซูล เพื่อให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกำลังซื้อ ล่าสุด มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมธุรกิจ 10 ราย โดยตั้งเป้า 3 ปีจากนี้ธุรกิจแฟรนไชส์จะเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัทถึง 200 ล้านบาท จากการมีทั้งหมด 200 สาขา ส่วนสิ้นปีนี้คาดว่า จะมีสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา
สำหรับนโยบายการตลาดบริษัทยังคงมุ่งเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป และโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยม เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและด้วยรสชาติ ซึ่งปีนี้คาดว่า ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 7,560 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 42% จากมูลค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.8 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโต 30-50% จากการมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด อาทิ อายิโนะโมะโต๊ะ
“ปีนี้บริษัทวางงบการตลาด 50 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาใช้งบ 35 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 370 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 305 ล้านบาท หรือเติบโต 20% แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 70% และภายในประเทศ 30% สำหรับในปีหน้านี้ บริษัทจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันมีทั้งหมด 3 แบรนด์
นายปิติ กิตติธีรพรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.แนลเชอรัล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บลิ๊งค์ โอเม็กซ์-ทรี และ เวคกี้ เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายผ่านรีเทล ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนขยายช่องทางจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ภายใต้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม “บลิ๊งค์” โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจแฟรนไชส์
สำหรับการทำธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัทเจาะตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก เนื่องจากต้องการให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคต่างจังหวัดมากขึ้น โดยได้นำร่องธุรกิจแฟรนไชส์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด มีทั้งหมด 15 สาขา เป็นการลงทุนเองทั้งหมด ได้แก่ ที่สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า คาร์ฟูร์ เทสโก้ โลตัส เดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยโมเดลแฟรนไชส์มีทั้งหมด 2 แบบ คือ คีออส มี 3 รูปแบบ สัดส่วน 70% และ ชอป ขนาดพื้นที่ 20 ตร.ม.ในสัดส่วน 30% ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 1.5-4 หมื่นบาท
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดจึงได้เปิดตัวแฟรนไชส์บลิ๊งค์ จากที่ผ่านมาร้านค้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยังไม่มีรูปแบบร้านค้าที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สินค้าในแฟรนไชส์บริษัทจะลดปริมาณลง โดยปกติจะบรรจุ 60 แคปซูล เหลือเป็น 10-20 แคปซูล เพื่อให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกำลังซื้อ ล่าสุด มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมธุรกิจ 10 ราย โดยตั้งเป้า 3 ปีจากนี้ธุรกิจแฟรนไชส์จะเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัทถึง 200 ล้านบาท จากการมีทั้งหมด 200 สาขา ส่วนสิ้นปีนี้คาดว่า จะมีสาขาทั้งสิ้น 30 สาขา
สำหรับนโยบายการตลาดบริษัทยังคงมุ่งเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป และโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยม เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและด้วยรสชาติ ซึ่งปีนี้คาดว่า ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 7,560 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 42% จากมูลค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.8 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโต 30-50% จากการมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด อาทิ อายิโนะโมะโต๊ะ
“ปีนี้บริษัทวางงบการตลาด 50 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาใช้งบ 35 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 370 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 305 ล้านบาท หรือเติบโต 20% แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 70% และภายในประเทศ 30% สำหรับในปีหน้านี้ บริษัทจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันมีทั้งหมด 3 แบรนด์