xs
xsm
sm
md
lg

นูสกินยังคึกแม้เศรษฐกิจซบ ตัวแทนจำหน่ายแอคทีฟ 80%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นู สกิน ชี้ ไตรมาสสองกำลังซื้อจะดีขึ้น อัดโปรโมชันกระตุ้นผู้แทนจำหน่ายหวังโกยยอดขายช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมระเบิดนวัตกรรมใหม่ลงสู่ตลาด สร้างสีสันธุรกิจขายตรง โชว์ไตรมาสแรกผลประกอบการโตตามเป้าหมาย สิ้นปีตั้งเป้าโต 15% กวาดเกือบ 1,400 ล้านบาท

นายนิรัติ ทิพภาวรรณ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสื่อสาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงนูสกิน เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยพบว่ามีผู้แทนจำหน่ายเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในสัดส่วนถึง 80% แม้ว่ากำลังการซื้อของผู้บริโภคจะลดลง แต่ธุรกิจขายตรงไม่ได้รับผลกระทบ

สำหรับในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ มองว่า กำลังการซื้อของผู้บริโภคน่าจะกลับมาดีขึ้น โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์บริษัทได้โปรโมชันกระตุ้นผู้แทนจำหน่าย ทั้งนี้ ในเร็วๆ นี้ บริษัทจะเปิดตัวสินค้าซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ลงสู่ตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายให้ได้มากที่สุด แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด

ทั้งนี้ ปีนี้การทำตลาด มุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยเป็นหลัก เพราะตลาดชะลอริ้วรอยเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งไทยด้วยซึ่งมีฐานประชากรเป็นผู้สูงอายุ 10 ล้านคน กลุ่มอายุ 30 ปี เริ่มกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มเพื่อสุขภาพและความงามประเภทชะลอริ้วรอยมีมูลค่าถึง 23,000 ล้านบาท และคาดว่า ปีนี้เติบโต 10%   

ภาพรวมธุรกิจขายตรงมูลค่า 40,000 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 5-10% เทียบกับปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 8-10% เพราะมีปัจจัยลบทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้คนเข้าสู่ระบบธุรกิจขายตรงมากขึ้น เพราะต้องการมีรายได้เสริม ซึ่งในปีที่ผ่านมาจำนวนผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่โต 30% จากปกติโตเฉลี่ยปีละ 10-15%

สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% จากปีที่ผ่านมามีรายได้  1,200 ล้านบาท โต 10% แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 65% และกลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์ 35% สำหรับตัวแทนจำหน่ายมี 2.3 แสนราย โดยมีผู้แทนจำหน่ายระดับบริหารโต 10% และผู้แทนจำหน่ายใหม่โต 30% และในช่วง 3 ปี หรือปี 2553 จะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบันเป็นอันดับ 3 ของตลาด มีส่วนแบ่ง 5% จาก 40,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น