ผู้จัดการรายวัน - จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ปลื้มธุรกิจขายตรงซีดีเพลงรุ่ง เผยรายได้ปี 50 ทะลุเป้าที่วางไว้ 60 ล้านบาท ชี้ “อัลบั้มรวมฮิต-ลูกทุ่ง-สตริง” มาแรง เปิดแผนรุกตลาดปี 51 เพิ่มพนักงานให้ครบ 250 คน ขยายพื้นที่หัวเมืองใหญ่ ตั้งเป้าสิ้นปีนี้โกยยอด 100 ล้านบาท
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจการขายและการตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากการขยายช่องทางการขายรูปแบบใหม่ ด้วยการแต่งตั้งบริษัท แอสเธน มิวสิค จำกัด ในเครือบริษัท แอส เซอร์ทิฟ จำกัด มืออาชีพทางด้านธุรกิจขายตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายซีดีเพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในรูปแบบขายตรง (Knock Door) แต่เพียงผู้เดียว
โดยในปี 2550 มีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 60 ล้านบาท ซึ่งแบ่งสัดส่วนการขายได้ ดังนี้ อัลบั้มรวมฮิต 66.56% อัลบั้มลูกทุ่ง 15.08% อัลบั้มสตริง 7.63% อัลบั้มคอนเสิร์ต 7.41% อัลบั้มสากล 2.92% อัลบั้มเพื่อชีวิต 0.33% อัลบั้มวรรณกรรม 0.04% และอัลบั้มบรรเลง 0.005%
สาเหตุที่บริษัทฯ มีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากธุรกิจขายตรงจัดเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่มีศักยภาพและโอกาสทางการตลาดสูง รวมทั้งยังไม่มีคู่แข่ง ขณะเดียวกันพนักงานขายสามารถอธิบายคอนเซ็ปต์เพลงแต่ละอัลบั้มได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงศิลปินมากกว่าเดินไปเลือกหยิบจากชั้นวางซีดีตามร้านค้าทั่วไป ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งถือเป็นการให้บริการถึงบ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคที่ไม่ค่อยมีเวลาไปเดินชอปปิ้ง
“ผมมั่นใจว่า Physical Product ยังเป็นที่ต้องการของคน เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมชอบฟังเพลงคุณภาพจากซีดี แต่ไม่ค่อยมีเวลาไปเดินเลือกซื้อด้วยตัวเอง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้นอกจากจะมีกำลังซื้อสูงแล้ว ยังมีแบรนด์ ลอยัลตี้ต่อศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบสูงด้วย ดังนั้น ถ้าเรารุกช่องทางการขายถูกจุดตรงกลุ่มเป้าหมายก็ขายได้ แถมขายได้ดีด้วย ตัวอย่างเช่น ทุกเช้าพนักงานแต่ละคนจะแบกซีดีเพลงใส่หลังไปเดินขายวันละ 40-50 แผ่น ถ้าเขาไปเคาะประตูขายแล้วเจอคนรับใช้มาเปิด เขาก็หยิบลูกทุ่งมาขาย แต่ถ้าเขาเจอแม่บ้านมาเปิดก็หยิบเพลงวรรณกรรม อาทิ อรวี สัจจานนท์, สุนทรภรณ์มาขาย แต่ถ้าเจอวัยรุ่นก็หยิบสตริงมาขาย คือไม่ว่าใครจะมาเปิดประตูเขาสามารถขายได้หมด” นายยงศักดิ์กล่าว
สำหรับแผนดำเนินธุรกิจปี 2551 ยังคงจับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบฟังเพลงจากซีดี ได้แก่ คนรับใช้ แม่บ้าน วัยรุ่น คนทำงาน โดยจะเพิ่มพนักงานขายให้ครบ 250 คน จากปัจจุบัน 200 คน เพื่อรองรับแผนขยายพื้นที่จำหน่ายซีดีเพลงไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หาดใหญ่ ภูเก็ต ฯลฯ จากปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งพนักงานขายแต่ละคนจะใส่เสื้อยืดคอโปโล พร้อมปักโลโก้ MGA และติดบัตรเพื่อแสดงว่าเป็นผู้แทนจำหน่ายซีดีเพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. – มี.ค. 51) มีรายได้เฉลี่ย 6 ล้านบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้เฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อเดือน
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจการขายและการตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากการขยายช่องทางการขายรูปแบบใหม่ ด้วยการแต่งตั้งบริษัท แอสเธน มิวสิค จำกัด ในเครือบริษัท แอส เซอร์ทิฟ จำกัด มืออาชีพทางด้านธุรกิจขายตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายซีดีเพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในรูปแบบขายตรง (Knock Door) แต่เพียงผู้เดียว
โดยในปี 2550 มีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 60 ล้านบาท ซึ่งแบ่งสัดส่วนการขายได้ ดังนี้ อัลบั้มรวมฮิต 66.56% อัลบั้มลูกทุ่ง 15.08% อัลบั้มสตริง 7.63% อัลบั้มคอนเสิร์ต 7.41% อัลบั้มสากล 2.92% อัลบั้มเพื่อชีวิต 0.33% อัลบั้มวรรณกรรม 0.04% และอัลบั้มบรรเลง 0.005%
สาเหตุที่บริษัทฯ มีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากธุรกิจขายตรงจัดเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่มีศักยภาพและโอกาสทางการตลาดสูง รวมทั้งยังไม่มีคู่แข่ง ขณะเดียวกันพนักงานขายสามารถอธิบายคอนเซ็ปต์เพลงแต่ละอัลบั้มได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงศิลปินมากกว่าเดินไปเลือกหยิบจากชั้นวางซีดีตามร้านค้าทั่วไป ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งถือเป็นการให้บริการถึงบ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคที่ไม่ค่อยมีเวลาไปเดินชอปปิ้ง
“ผมมั่นใจว่า Physical Product ยังเป็นที่ต้องการของคน เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมชอบฟังเพลงคุณภาพจากซีดี แต่ไม่ค่อยมีเวลาไปเดินเลือกซื้อด้วยตัวเอง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้นอกจากจะมีกำลังซื้อสูงแล้ว ยังมีแบรนด์ ลอยัลตี้ต่อศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบสูงด้วย ดังนั้น ถ้าเรารุกช่องทางการขายถูกจุดตรงกลุ่มเป้าหมายก็ขายได้ แถมขายได้ดีด้วย ตัวอย่างเช่น ทุกเช้าพนักงานแต่ละคนจะแบกซีดีเพลงใส่หลังไปเดินขายวันละ 40-50 แผ่น ถ้าเขาไปเคาะประตูขายแล้วเจอคนรับใช้มาเปิด เขาก็หยิบลูกทุ่งมาขาย แต่ถ้าเขาเจอแม่บ้านมาเปิดก็หยิบเพลงวรรณกรรม อาทิ อรวี สัจจานนท์, สุนทรภรณ์มาขาย แต่ถ้าเจอวัยรุ่นก็หยิบสตริงมาขาย คือไม่ว่าใครจะมาเปิดประตูเขาสามารถขายได้หมด” นายยงศักดิ์กล่าว
สำหรับแผนดำเนินธุรกิจปี 2551 ยังคงจับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบฟังเพลงจากซีดี ได้แก่ คนรับใช้ แม่บ้าน วัยรุ่น คนทำงาน โดยจะเพิ่มพนักงานขายให้ครบ 250 คน จากปัจจุบัน 200 คน เพื่อรองรับแผนขยายพื้นที่จำหน่ายซีดีเพลงไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หาดใหญ่ ภูเก็ต ฯลฯ จากปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งพนักงานขายแต่ละคนจะใส่เสื้อยืดคอโปโล พร้อมปักโลโก้ MGA และติดบัตรเพื่อแสดงว่าเป็นผู้แทนจำหน่ายซีดีเพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. – มี.ค. 51) มีรายได้เฉลี่ย 6 ล้านบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้เฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อเดือน
