xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ยิ้มแก้มปริ กบง.ไฟเขียวเงินอุดหนุนส่วนต่างนำเข้าก๊าซแอลพีจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปตท.ผู้ดำเนินธุรกิจผูกขาดก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ยิ้มแก้มปริ รับเละ 2 เด้ง กบง.มีมติจ่ายชดเชยส่วนต่างก๊าซ LPG ให้แก่ ปตท.โดยไม่จำกัดวงเงิน พร้อมยกเลิกจำกัดเพดาน 500 ล้านบาท/เดือน หลังราคาตลาดโลกพุ่งแตะ 700 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ต้องนำเข้าสูงถึง 1.12 แสนตัน ภาครัฐจึงอาสานำเงินเข้าแบกรับภาระแทน โดยในเดือน ต.ค.มีส่วนต่างถึง 1.1 พันล้าน

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 25 พ.ย. มีมติให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในส่วนของหนี้ใหม่ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้กับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยไม่กำหนดเพดานราคา เริ่มตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2552 นี้ เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ กบง.กำหนดให้หนี้ใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2552 มีการชดเชยเดือนละไม่เกิน 500 ล้านบาท แต่หนี้เก่าที่เกิดในปี 2551 ยังคงชดเชยในอัตราเดิมเดือนละ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีหนี้ดังกล่าวคงเหลือทั้ง 2 ส่วน คือ หนี้เก่าที่เกิดในปี 2551 ประมาณ 3,000 ล้านบาท และหนี้ใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2552 ประมาณ 4,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ปตท.มีส่วนต่างราคานำเข้า LPG ถึง 1,100 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณนำเข้าที่สูงถึง 1.12 แสนตัน และราคาสูงถึง 700 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ ปตท.ต้องรับภาระที่เพิ่มขึ้น กบง.จึงต้องการลดภาระให้กับ ปตท. คาดว่าหากมีการปรับเพดานการจ่ายชดเชยหนี้ LPG แล้ว จะทำให้มีหนี้ค้างอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท ก่อนสิ้นปี 2553

สำหรับการนำเข้า LPG ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงเดือนตุลาคม 2552 ปีนี้ มีปริมาณรวม 966,021 ตัน แบ่งเป็น ปีที่แล้ว 446,414 ตัน และปีนี้ 519,607 ตัน และคาดว่าในเดือนพศจิกายน 2552 ถึงเดือนธันวาคม 2552 มีแนวโน้มที่จะนำเข้ามากเกินกว่า 1 แสนตันต่อเดือน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีการนำเข้าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน

รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบในหลักการให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันฯ จ่ายชดเชยให้กับรถแท๊กซี่ที่จะเปลี่ยนจากระบบเชื้อเพลิงจาก LPG มาใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ NGV โดยสนับสนุนการประกวดราคาซื้อถัง NGV และอุปกรณ์ส่วนควบ เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและจูงใจให้รถแท็กซี่ที่มีเหลืออยู่ประมาณ 3 หมื่นคันหันมาติดตั้งเอ็นจีวีได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานคาดว่า ในเดือนมกราคม 2553 จะสามารถประกาศใช้น้ำมันดีเซล บี3 ทดแทนน้ำมันดีเซล บี2 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยจะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาเพื่ออนุมัติในที่ประชุมฯ ครั้งต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ทำโครงสร้างราคาอยู่ ซึ่งคาดว่าโครงสร้างราคาจะเท่ากับ บี2 และมีการจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในอัตราเดียวกับบี2 ที่ 53 สตางค์ต่อลิตร

สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะมีการพิจารณาอนุมัติสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในโครงการหงสาลิกไนต์ในประเทศลาว ซึ่งบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน หรือ BANPU และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ถือหุ้นใหญ่ เพื่อเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยโครงการนี้เป็นโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงถ่านหิน ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 1,878 เมกะวัตต์ และอนุมัติข้อตกลงความร่วมมือเบื้องต้น (MOU) เพื่อซื้อขายไฟฟ้าในโครงการพลังน้ำเมย-กก ในประเทศพม่า ขนาดกำลังการผลิต 400 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ กพช.จะพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการโรงไฟฟ้าบางคล้า ของบริษัท สยาม เอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติรายงานผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เพราะไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลการทำอีไอเอได้ จึงได้ยื่นเรื่องขอย้ายโครงการไปที่อื่น ทำให้ กพช.ต้องพิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไร

ทั้งนี้ ตัวแทนสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีประมูลโรงไฟฟ้าเอกชน และศึกษาโครงสร้างก๊าซธรรมชาติต่อ สนพ. และนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น