แฉ “จ.” ไอ้โม่งข่าวลือทุบหุ้น “เอกยุทธ” หยันรัฐหลงทางจับได้แค่แพะ

“เอกยุทธ” ห่วงรัฐหลงทางคดีข่าวลือไม่เป็นมงคล เพราะมัวไปไล่จับปลายซิวปลาสร้อยปลายแถว อาจไม่มีคำตอบให้สังคม เตือนสติประชาชนยังคงจับตาการทำงาน พร้อมแฉ “จ.” เครือข่ายผู้มีอำนาจ ฟาดเหนาะๆ กว่า 5 พันล้าน หลังปล่อยข่าวลือ ยังคงลอยนวลเสวยสุขในกลีบเมฆ กระทุ้ง “ขุนคลัง” สอดส่อง 2 กองทุนรัฐ “สปส.-กบข.” มีพฤติกรรมน่าสงสัย เพราะช่วงตลาดขาขึ้น กลับเป็นขาใหญ่เทขายหุ้นบิ๊กแคปยกล็อต

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานเครือโอเรียนเต็ลมาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ กล่าวถึงการดำเนินการกับผู้ปล่อยข่าวลือไม่เป็นมงคล ทุบหุ้นที่ใช้ระยะเวลาดำเนินการนานมาก แต่จับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยปลายแถว โดยรู้สึกเห็นใจ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่สั่งเร่งดำเนินการ และพยายามแก้ไขกฎระเบียบการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทำให้การแก้ปัญหาไม่พบต้นเหตุที่แท้จริง และรัฐบาลไม่สามารถมีคำตอบให้สังคม เพราะเรื่องนี้ ประชาชนจำนวนมากยังคงติดตามข่าวและจับตาการทำงานของรัฐบาล

“ก่อนอื่นอยากให้ นายกรณ์ ไปตรวจสอบดูว่าก่อนที่จะมีข่าวอัปมงคล ออกมาในวันที่ 14 ตุลาคม 2552 กองทุนที่รัฐดูแล อย่างเช่น กองทุนประกันสังคม (สปส.) หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว มีการเทขายหรือไม่ หากมีการขายหุ้นจริง ขอถามว่าขายเพราะอะไร ทั้งที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยากทราบว่า คนเหล่านี้ได้รับรู้ข่าววงใน ว่า รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธข่าวในวันถัดมาหรือไม่”

นายเอกยุทธ กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังไล่จับแพะ 2 คน ซึ่งเป็นเพียงผู้ที่ได้รับข่าวแล้วมาโพสต์ข้อความต่อไปอีกทอดหนึ่ง ตามวิสัยของนักเล่นหุ้นเท่านั้น การตรวจสอบในเรื่องนี้ไม่ยาก เพียงแต่ตรวจสอบให้พบว่า กลุ่มใดเทขายหุ้นจำนวนมากก่อนหน้าที่จะมีข่าว และเข้ามาช้อนซื้อในช่วงที่หุ้นตกอย่างหนัก ถ้าเป็นกลุ่มเดียวกันก็ให้สันนิษฐานเลยว่าเป็นต้นตอการปล่อยข่าวทุบตลาดหุ้น

“ผมเชื่อว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ซึ่งคลุกคลีอยู่ในตลาดหุ้นมานาน ย่อมรู้ว่า เรื่องแบบนี้ ควรจะจัดการอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะกล้าทำหรือไม่ เท่านั้นเอง”

นายเอกยุทธ แย้มว่า ข้อมูลที่ผมมีในตอนนี้ ก็คือ ในวันที่ 2 หลังจากที่มีข่าวไม่เป็นมงคลออกมา เครือญาติของผู้มีอำนาจชื่อย่อ จ.ที่บริหารกองทุนอยู่ในตลาดต่างประเทศ ได้เข้าช้อนซื้อหุ้นจำนวนมากอย่างผิดสังเกต ทั้งที่โดยปกติเมื่อมีข่าวใหญ่กระทบตลาดนักลงทุนทั่วไปจะไม่กล้าเข้าไปเสี่ยง

ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า กลุ่มนี้รู้ว่าอีกวันรัฐบาลจะออกมาปฏิเสธข่าว จึงกล้าซื้อหุ้นเก็บไว้ ซึ่งในที่สุดก็ออกมาปฏิเสธจริง การกระทำเช่นนี้ จึงเข้าข่ายอินไซเดอร์ หรือรู้ข้อมูลวงในหาประโยชน์จากตลาดหุ้น ซึ่งผิดกฎหมาย และงานนี้หลังจากที่ จ.ซื้อหุ้นไปแล้ว วันถัดมาเมื่อรัฐบาลออกมาปฏิเสธข่าว มูลค่าหุ้นก็เด้งกลับขึ้นมามหาศาล คาดว่า จะได้กำไรอย่างน้อย 5 พันล้านบาท