xs
xsm
sm
md
lg

ขอหมายจับอีก 4 ปล่อยข่าวลือทุบหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตำรวจเตรียมขอศาลออกหมายจับเพิ่ม 4 รายคดีปล่อยข่าวลือทุบหุ้น พบเป็นนายแพทย์ 1 ราย ส่วน 2 ผู้ต้องหาให้ประกันตัวแต่ห้ามออกนอกประเทศ ดีเอสไอเชื่อ 2 ผู้ต้องหาเชื่อมโยงเหตุการณ์ปั่นหุ้น เร่งสอบพิสูจน์แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คลัง-ก.ล.ต.-ตลท.ถกออกมาตรการสกัดข่าวลือ “กรณ์” แฉพบนักลงทุนสถาบันบางกลุ่มฟันกำไรช่วงหุ้นดิ่งส่งข้อมูลดีเอสไอสอบเพิ่ม ส่วน 2 เว็บไซต์ต้นตอข่าวลือโยนไอซีทีจัดการ

วานนี้ (2 พ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจับกุมนายคธา ปาจริยพงษ์ อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคที - ซีมิโก้ จำกัด(มหาชน) และน.ส.ธีรนันต์ วิภูชนิน อายุ 47 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบล.ยูบีเอส จำกัด 2 ผู้ต้องหาตามในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีเผยแพร่ปล่อยข่าวลือไม่เป็นมงคลทางอินเทอร์เน็ต ทำให้หุ้นภายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตกลงเป็นจำนวนมาก ว่าจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 เบื้องต้นพบว่า มีความเชื่อมโยงกันในการถามตอบกระทู้ของเว็บไซต์ประชาไท และเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะทำการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของกลางที่ยึดมาได้จากบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 2 เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมตรวจสอบว่ามีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีพยานหลักฐานที่แน่ชัดเพียงพอก็จะทำการขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองแล้ว หลังญาติใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวคนละ 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนการติดตามจับกุมตัวเว็บมาสเตอร์นั้น คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเว็บไซด์ทั้ง 2 เว็บดังกล่าวนั้น ได้จดทะเบียนที่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปรายงานตัวที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)รวมทั้งสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น

**สอบปากคำเพิ่ม 2 ผู้ต้องหา

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.ท.ไถง ได้เข้าร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ก่อนเปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหามีความคืบหน้าไปมาก โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เบื้องต้นยังไม่พบว่าการโพสต์ข้อความของทั้ง 2 จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะขอตรวจสอบความชัดเจน ก่อนว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้บ้าง พร้อมทั้งเรียกตรวจสอบว่านอกจากในเว็บฟ้าเดียวกัน กับประชาไทย ยังมีโพสต์ข้อความไปที่ใดบ้าง และจะตรวจสอบข้อมูลในฮาร์ดดิสของผู้ต้องหาทั้ง 2

นอกจากนี้ทางเจ้าพยานตรวจสอบเงินที่หมุนเวียนภายในบัญชีของผู้ต้องหาทั้ง 2 ว่ามีการเชื่อโยงถึงใครบ้าง ส่วนเรื่องการออกหมายจับผู้ต้องหาคนอื่นเพิ่ม ขณะนี้กำลังกำลังรอรวบรวมพยานหลักฐาน ในตอนนี้คาดว่าน่าจะออกหมายจับผู้ต้องหาได้อีก 1 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้

**ออกหมายจับเพิ่ม 4 ราย

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนจะไปเดินทางไปที่ศาลอาญา รัชดา เพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเพิ่มอีกประมาณ 3-4 คน โดยหนึ่งในจำนวนผู้ต้องหาที่ออกหมายจับเพิ่มเติมนั้นเป็นแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ที่ ปอท. พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ ผบก.การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยถึงการสอบสวนว่า เบื้องต้นได้มีการเรียกตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนคือ น.ส.ธีรนันต์ และนายคธา มาสอบปากคำเพิ่ม โดยเบื้องต้นทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าข้อความที่โพลต์ลงในเว็ปได้แปลมาจากสำนักข่าวต่างประเทศอีกที่หนึ่ง

ส่วนนายคธา ก็เป็นผู้นำข้อความดังกล่าวมาโพสต์ลงในเว็บไซต์อีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทางดีเอสไอได้เข้ามาร่วมสอบ โดยมีการประสานข้อมูลกันกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลในฮาร์ดดิสที่ยึดมาจากที่บ้านและที่ทำงานของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่วนเรื่องของแรงจูงใจในการโพสข้อความที่ไม่เป็นมงคลนั้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่ามาจากเรื่องใด

**ให้ประกันห้ามออกนอกประเทศ

พ.ต.อ.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองผู้บังคับการศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง หลังญาติยื่นเงินสด 100,000 บาท ประกันตัวไป แต่มีเงื่อนไขห้ามทั้งสองคนเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองให้ความร่วมมือดี ขณะนี้ชุดสืบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เข้าสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม เพื่อขยายผลผู้ร่วมขบวนการ

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะเฝ้าติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหา และจะเรียกสอบสวนหากมีหลักฐานหรือพยานเพิ่ม และเชื่อมโยงกัน โดยทั้งสองคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

**DSI เชื่อเชื่อมโยงขบวนการปั่นหุ้น

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณีคดีเดียวกันว่า ทราบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวได้กระทำความผิดกฎหมายหลายบททั้งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดีเอสไอมีอำนาจเข้าไปดำเนินการได้ โดยคดีดังกล่าวจะมีการประสานข้อมูลจากหลายส่วนทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และดีเอสไอ

นายธาริตกล่าวว่า เบื้องต้นเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายน่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับการเหตุการณ์ปั่นหุ้นและน่าจะส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลอื่นๆ อีกทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นชื่อที่ ก.ล.ต.มีอยู่แล้ว โดยในส่วนของดีเอสไอยังจะมีการรวบรวมข้อมูลในการตรวจสอบแหล่งข่าวที่อาจเชื่อมโยงกับการปล่อยข่าวทั้งสำนักข่าวในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นแหล่งข่าวใดบ้างขอให้ได้ข้อเท็จจริงชัดเจนก่อนว่าสำนักข่าวนั้นๆ ได้มีพฤติกรรมเผยแพร่ข่าวสารที่เข้าข่ายกระทำความผิดมากน้อยแค่ไหน

**เร่งสอบขยายผลภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าข้ออ้างที่ผู้ต้องหาระบุว่าเป็นเพียงการแปลข่าวเพื่อโพสต์ในคอมพิวเตอร์นั้นไม่น่าจะเป็นเจตนาเพียงหนึ่งเดียวแต่น่าจะมีเจตนาอื่นแฝงด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ความผิดโดยอาศัยจากการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยดีเอสไอ จะเร่งสอบสวนให้แล้วเสร็จให้เร็วที่สุด และกำลังเร่งการสอบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

**"มาร์ค"สั่งขยายผลฟันปั่นหุ้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการออกหมายจับผู้ปล่อยข่าวไม่เป็นมงคลเพื่อการปั่นหุ้นว่า ขณะนี้เป็นการดำเนินการตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องมีการสอบสวนต่อไปว่ามีมูลเหตุจูงใจและไปเกี่ยวข้องกับใครบ้าง แต่จะขยายผลได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการสอบสวนตรงนี้ด้วย แต่ยังไม่พบว่าคนปล่อยข่าวได้ประโยชน์จากการปั่นหุ้น

เมื่อถามว่า ที่จะมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 2-3 ราย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอยู่ในลักษณะได้ข้อมูลมาคล้ายๆกัน ส่วนจะเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่เวลานี้ยังไม่มีอะไร ขณะนี้เห็นเพียงเรื่องตัวบุคคลที่นำข้อความไปเผยแพร่ในระบบอินเตอร์เนต ต้องพยายามขยายผลต่อไป

**"เคทีซีมิโก้ฯ "สันหลังหวะ

เมื่อเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ ปาฐกถาภายใต้หัวข้อ "แนวโน้มทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ" ที่ห้องรัตนโกสินทร์ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ถนนราชดำริ ซึ่งจัดโดยบล.เคที ซีมิโก้ โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังและถ่ายภาพใดๆ แม้แต่ทางเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งโดยปกติจะทำหน้าที่บันทึกเทปเพื่อมาถอดคำพูดนายกรัฐมนตรี เสนอผลการปฏิบัติภารกิจนายกรัฐมนตรีผ่านเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลก็ยังถูกห้ามบันทึกเทป ซึ่งผู้จัดงานแจ้งว่า เหตุที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังหรือเก็บบรรยากาศ เพราะเกรงจะรบกวนสมาธิขณะที่นายกรัฐมนตรีปาฐกถา ทำให้ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไม่ให้สื่อเข้ารับฟัง ท้ายที่สุดพบว่า บริษัทผู้จัดงานดังกล่าว เป็นบริษัทที่ นายคธาผู้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากกรณีปล่อยข่าวอัปมงคลทุบหุ้น สังกัดอยู่ในฐานะพนักงานของบริษัท

**3 หน่วยงานออกมาตรการสกัด

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวภายหลังหารือกับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ถึงผลกระทบจากข่าวลืออัปมงคลที่สร้างความเสียหายต่อตลท. ว่า เป็นการหารือถึงมาตรการป้องกันข่าวลือที่จะเกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่อจากนี้ โดยเฉพาะการดำเนินการแก้ปัญหา การชี้แจงข้อเท็จจริงต่อนักลงทุนและประชาชน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยรวม จนนำไปสู่การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้น

โดยจากนี้ต่อไปหากหุ้นปรับลด 4-5% จากข่าวลือต่างๆ ตลท.ต้องออกมาชี้แจงสาเหตุต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เลขาธิการ ก.ล.ต.และรมว.คลัง จากนั้นต้องพิจารณาว่าเรื่องที่เป็นปัญหาเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด แต่ละฝ่ายก็จะรับเป็นเจ้าภาพชี้แจงต่อสาธารณชนและนักลงทุนเป็นลำดับต่อไป แต่ทั้งนี้การจะหยุดซื้อขายหุ้นชั่วคราวยังคงกรณีเดิมที่หุ้นปรับลด 10%

"มาตรการป้องกันปัญหาข่าวลือในตลาดหุ้นถือเป็นความพยายามเข้าถึงข้อเท็จจริงของข่าวลือ ต้องสอบสวนที่มาที่ไปให้ชัดเพื่อลดความตื่นตระหนก และรับผิดชอบต่อนักลงทุน ขณะที่การสืบสวนความคืบหน้าของกลุ่มนักลงทุนที่พบความผิดปกติในช่วงก่อนจะมีข่าวลืออัปมงคลนั้น พบว่าขณะนี้มีรายชื่อกองทุนต่างๆ แล้วรวมถึงนักลงทุนคนไทยที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก.ล.ต.และตลท.ส่งข้อมูลดิบให้ดีเอสไอแล้วทั้งหมด จากนั้นจะขยายผลเพิ่มเติมโดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ได้รับประโยชน์จากข่าวลือต่อไป"นายกรณ์กล่าว

**พบนักลงทุนสถาบันได้ประโยชน์

สำหรับการจับกุมนายคธา ปาจาจริยพงษ์ อายุ 35 ปีพนักงานบริษัท หลักทรัพย์เคที - ซีมิโก้ จำกัด(มหาชน) และน.ส.ธีรนันต์ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตผู้บริหาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ยูบีเอส ในความผิด ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากก.ล.ต.ในเบื้องต้นแล้วว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลทั้งสองไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด จึงได้มอบหมายให้ตรวจสอบในวงกว้างมากขึ้น โดยให้ตรวจเพิ่มเติมถึงบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคลที่มีนามสกุลเดียวกับทั้งสองราย และบัญชีลูกค้าที่ผู้ต้องหาดังกล่าวรับผิดชอบดูแลด้วย

“ข้อมูลจาก ก.ล.ต.ก็ได้มีการรายงานมาว่ามีนักลงทุนประเภทสถาบันจากต่างประเทศที่เข้ามาช้อนซื้อหุ้นในช่วงดังกล่าว ซึ่งจะได้มีการสืบสวนกันต่อไปว่าเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวในครั้งนี้หรือไม่ โดยข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมได้นั้นได้ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนในเชิงลึกต่อไป นอกจากนี้ยังพบว่ามีนักลงทุนสถาบันในประเทศบางรายได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายในระยะนั้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งกำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่” รมว.คลังกล่าว

**โยนดีเอสไอ-ตำรวจจัดการเว็บหมิ่น

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลนั้น ที่ผ่านมามักจะมีบทบาทเผยแพร่ข้อมูลล่อแหลมทั้งต่อการเมืองและความมั่นคงของประเทศ และครั้งนี้ก็คงนำเสนอข้อมูลที่ผิดสังเกตจนนำไปสู่การจับกุมของตำรวจ ซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนในอนาคต ส่วนจะถึงขั้นสั่งปิดเว็บหรือไม่ คงต้องขึ้นกับกระทรวงไอซีทีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

“เว็บไซต์ทั้ง 2 ที่ผู้ต้องหานำข้อความไปโพสต์ไว้นั้นจากการประสานข้อมูลเบื้องต้นกับทางตำรวจพบว่าเป็นเว็บไซต์ที่ทางตำรวจจับตาอยู่ เนื่องจากเนื้อหาที่มีการเผยแพร่ในเวบไซต์นั้นค่อนข้างมีความหมิ่นเหม่และล่อแหลมต่อความมั่นคงของประเทศปรากฎอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งมีผลต่อความเชื่อมั่น ดังนั้นจะต้องจัดการด้านกฎหมายกับเรื่องนี้ให้มีความชัดเจนมากขึ้นเพื่อนำมาเป็นบทเรียนในอนาคต” นายกรณ์กล่าว

**ชี้ผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีการซื้อหุ้น

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ขณะนี้ก.ล.ต.ได้มีหนังสือสั่งการตลท.เพื่อส่งข้อมูลบัญชีการซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งนายคธา และน.ส.ธีรนันต์ รวมถึงบัญชีซื้อขายของบุคคลที่มีนามสกุลเดียวกัน และบัญชีอื่นที่ทั้งสองรายอาจได้รับมอบอำนาจให้ซื้อขายหุ้นได้ และเทปคำสั่งซื้อขายหุ้น เพื่อพิจารณาว่าได้รับประโยชน์จากข่าวลืออย่างไรบ้าง แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งสองรายมีความผิดปกติในช่วงข่าวลือถูกเผยแพร่แต่อย่างใด

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาว่าผู้ต้องหา 2 รายเกี่ยวพันกับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่ก่อนหน้านี้ก.ล.ต.ตรวจพบความผิดปกติของการซื้อขายหุ้นในช่วงมีข่าวลือหรือไม่นั้น ก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

**บิ๊กกรุงไทยลั่นอย่าให้เกิดอีก

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)KTB กล่าวว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด(มาร์เก็ตติ้ง) ของ บล.เคที ซีมิโก้ ซึ่งต้องให้ บล.เคที ซีมิโก้ เป็นผู้ชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยส่วนตัวได้ให้นโยบายไปว่าต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและไม่ต้องการให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นอีก ขณะเดียวกันทางธนาคารก็ยังไม่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางจิตวิทยาแต่อย่างใด

“ต้องให้เขาเป็นผู้ชี้แจงเอง ซึ่งคนนั้นเป็นฝ่ายการตลาด ไม่ได้เกี่ยวกับภาพพจน์ของเราแต่อย่างใด เขาผิดในด้าน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยทาง บล.ชี้แจงมาว่ามีเคสแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ได้ให้นโยบายไปว่าต้องไปดูแลเรื่องแบบนี้ด้วย ซึ่งไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้”นายอภิศักดิ์กล่าว

**ตลาดหุ้นรุกสอบข้อมูลเชิงลึก

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลท. กล่าวว่า ได้เรียกประชุมฝ่ายจัดการ ฝ่ายบริหารและฝ่ายกำกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและมีคำสั่งให้ฝ่ายกำกับเข้าไปตรวจสอบเชิงลึกเพื่อดูประวัติของบุคคลทั้ง2 ด้วยโดยนส.ธีรนันต์ ได้ลาออกจาก บล.ยูบีเอส เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจึงถือว่าไม่ได้อยู่ในสังกัดของ บล.หรือโบรกเกอร์แล้ว จึงไม่มีข้อมูลที่ต้องติดตาม จึงตัดการตรวจสอบเชิงลึกทิ้งไป ส่วนนายคธาซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ของ บล.เคทีซีมิโก้ นั้น ได้สั่งให้ฝ่ายกำกับเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการรับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าว่ามีความผิดปกติหรือไม่

ทั้งนี้จะเข้าไปดูข้อมูลย้อนหลังการซื้อขายจากลูกค้าจนถึงต้นเดือน ต.ค.โดยจะเข้าไปดูความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น คำสั่งซื้อขายที่ส่งมาจากบล.เคทีซีมิโก้โดยรวมทั้งหมดว่ามีความผิดปกติหรือไม่ และคำสั่งซื้อขายที่ผ่านมาเก็ตติ้งคนนี้ มีใครเป็นลูกค้าบ้าง และมีปริมาณการซื้อขายมากน้อยแค่ไหน และเป็นคำสั่งที่มีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งข้อมูลจากการตรวจสอบเชิงลึกทั้งหมดนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะนำไปหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และพร้อมที่จะส่งให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจทางกฎหมาย หากมีการร้องขอเข้ามา ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับการ กระทำความผิดอื่นๆ

**เคทีซีมิโก้ โต้ความผิดส่วนบุคคล

นายเชาว์ อรัญวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บล.เคที ซีมิโก้ จำกัด กล่าวว่า ความผิดของนายคธาถือเป็นการกระทำส่วนตัวเพราะ นายคธา ไม่ได้มีหน้าที่ในบริษัทที่จะให้ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ ทั้งนี้บริษัทมีระเบียบและนโยบายที่เข้มงวดในการไม่ให้พนักงานปล่อยข่าวลือหรือส่งต่อข่าวลือออกไปเด็ดขาด นอกจากนี้ก็ไม่สนับสนุนการกระทำที่ผิดต่อกฎเกณฑ์ของตลท.และ ก.ล.ต. ดังนั้นเมื่อทราบเรื่องก็ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านต่างๆ ทั้งด้านข้อมูลและการสืบสวนและการดำเนินคดีความเป็นอย่างดี.
กำลังโหลดความคิดเห็น