คุณสมบัติ”ปิยสวัสดิ์”ส่อเค้ามีปัญหาข้อกฎหมาย “อำพน”แจงส่งเรื่องหารืออัยการ อีกครั้งเพื่อความรอบคอบทางข้อกฎหมายเรื่องพ้นบอร์ดบาฟส์ไม่ครบ 3 ปี ชี้สรรหาาขณะนี้ยังไม่สมบูรณ์จนกว่าจะเซ็นสัญญา ชี้เซ็นสัญญาดีดีต้องเจรจาเงื่อนไขจ้างบริหารผลตอบแทนให้จบด้วย ชี้หาก”ว่าที่ดีดี”ไม่รับเงื่อนไขสัญญาก็เซ็นไม่ได้เหมือนกัน เผยบอร์ด-กรรมการสรรหาฯ อาจต้องรับผิดชอบหากอัยการชี้คุณสมบัติผิดเหตุก่อนหน้านี้บอร์ดยันไม่มีปัญหาบาฟส์ไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการบินไทย
จากกรณีที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่สามารถลงนามสัญญาว่าจ้าง นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทยได้ เนื่องจากมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า นายปิยสวัสดิ์ เคยเป็นกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ และลาออกจากกรรมการบาฟส์เพื่อสมัครรับการสรรหา ดีดีการบินไทยไม่ถึง 3 ปี ทำให้มีปัญหาคุณสมบัติที่กำหนดว่าต้องพ้นจากตำแหน่งอย่างน้อย 3 ปีโดยจะครบวันที่ 7 ต.ค. 2552 ซึ่งนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่าได้ให้บอร์ดการบินไทยตรวจสอบรายละเอียดการสรรหาและคุณสมบัติ โดยหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดในข้อกฎหมายว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้นายปิยสวัสดิ์ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้สมัครรายอื่นหรือไม่
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทยเปิดเผยว่า บอร์ดไม่ได้รอเซ็นสัญญาจ้างดีดีการบินไทยวันที่ 8 ต.ค.เพื่อให้นายปิยะสวัสดิ์ พ้นจากบอร์ดบาฟส์ 3 ปี แต่ประเด็นที่สำคัญ คือ ขณะนี้การเจรจาเรื่องผลตอบแทนและเงื่อนไขการว่าจ้างทั้งหมดโดยเฉพาะการวัดผลการทำงานเป้าหมายการดำเนินงานของดีดี (KPI) ยังไม่เรียบร้อย
นายอำพนกล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ได้พิจารณาถึงเงื่อนไขการบริหารงานเพิ่มเติมเพื่อกำหนดเป็น KPI ในการทำงานของดีดี ดังนั้นระหว่างรอการเจรจาเงื่อนไขการบริหารงาน บอร์ดจึงมีมติให้สอบถามประเด็นข้อกฎหมายด้านคุณสมบัติไปที่อัยการสูงสุดอีกครั้ง เพื่อความรอบคอบ ส่วนการจะเซ็นสัญญาจ้างดีดีได้เมื่อไร จะต้องให้กระทรวงการคลังสรุปการเจรจาเงื่อนไข ผลตอบแทนรวมถึงรอผลการหารืออัยการเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง
“ผมได้รายงานความคืบหน้าการสรรหาดีดีการบินไทยต่อรมว.คมนาคม และแจ้งให้ทราบว่า ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบในประเด็นข้อกฎหมายเพื่อความรอบคอบ สุดท้ายต้องเสนอผลทั้งเรื่องเงื่อนไขการบริหารผลตอบแทนและผลหารืออัยการสูงสุด กลับมาที่บอร์ดเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ดังนั้นตอนนี้ขั้นตอนการสรรหายังไม่จบ ก่อนหน้านี้บอร์ดเห็นชอบผลการสรรหาตามที่คณะกรรมการสรรหาฯเสนอเท่านั้น สรรหาจะสมบูรณ์ต่อเมื่อเซ็นสัญญาแล้ว เพราะหากเจรจาเงื่อนไขแล้วรับกันไม่ได้ ก็เซ็นสัญญาไม่ได้อยู่ดี”นายอำพนกล่าว
นายอำพนกล่าวว่า สัญญาจ้างดีดีครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมเพราะมีเงื่อนไขการบริหารงานและการวัดผลที่ชัดเจน ต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างไร ปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างไร บริหารความเสี่ยงน้ำมันอย่างไร เป็นต้น มีเครื่องมือไว้ครบตามที่เจรจากัน ดีดีเข้ามาทำงานได้เลย ใช้แนวทางเดียงกับผู้บริหารเคียงบริษัท ปตท. จำกัด
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย กล่าวว่า ป.ป.ช.ส่งหนังสือขอข้อมูลการสรรหาดีดีการบินไทยมายังกระทรวงคมนาคมโดยเฉพาะคุณสมบัติของนายปิยสวัสดิ์ ที่สมัครสรรหาเมื่อ มี.ค. 2552 ซึ่งยังไม่พ้นกำหนด ลาออกจากบอร์ดบาฟส์ 3 ปี เป็นการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงในข้อกฎหมายว่าคุณสมบัติไม่ถูกต้อง และได้ถูกร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้วแต่บอร์ดการบินไทยมีมติเห็นชอบผลการสรรหาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2552 ตามที่คณะกรรมการสรรหา ฯ ที่มีนายอารีพงศ์ภู่ชอุ่ม เป็นประธาน โดยให้ความเห็นกรณีที่นายปิยะสวัสดิ์ ลาออกจากบอร์ดบาฟส์ไม่ครบ 3ปีว่า บาฟส์ไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการบินไทย เนื่องจากธุรกิจด้านน้ำมันไม่ใช่ธุรกิจหลักของการบินไทยและบริษัทไม่ได้หารายได้จากธุรกิจน้ำมัน
จากกรณีที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่สามารถลงนามสัญญาว่าจ้าง นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทยได้ เนื่องจากมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า นายปิยสวัสดิ์ เคยเป็นกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ และลาออกจากกรรมการบาฟส์เพื่อสมัครรับการสรรหา ดีดีการบินไทยไม่ถึง 3 ปี ทำให้มีปัญหาคุณสมบัติที่กำหนดว่าต้องพ้นจากตำแหน่งอย่างน้อย 3 ปีโดยจะครบวันที่ 7 ต.ค. 2552 ซึ่งนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่าได้ให้บอร์ดการบินไทยตรวจสอบรายละเอียดการสรรหาและคุณสมบัติ โดยหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดในข้อกฎหมายว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้นายปิยสวัสดิ์ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้สมัครรายอื่นหรือไม่
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทยเปิดเผยว่า บอร์ดไม่ได้รอเซ็นสัญญาจ้างดีดีการบินไทยวันที่ 8 ต.ค.เพื่อให้นายปิยะสวัสดิ์ พ้นจากบอร์ดบาฟส์ 3 ปี แต่ประเด็นที่สำคัญ คือ ขณะนี้การเจรจาเรื่องผลตอบแทนและเงื่อนไขการว่าจ้างทั้งหมดโดยเฉพาะการวัดผลการทำงานเป้าหมายการดำเนินงานของดีดี (KPI) ยังไม่เรียบร้อย
นายอำพนกล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ได้พิจารณาถึงเงื่อนไขการบริหารงานเพิ่มเติมเพื่อกำหนดเป็น KPI ในการทำงานของดีดี ดังนั้นระหว่างรอการเจรจาเงื่อนไขการบริหารงาน บอร์ดจึงมีมติให้สอบถามประเด็นข้อกฎหมายด้านคุณสมบัติไปที่อัยการสูงสุดอีกครั้ง เพื่อความรอบคอบ ส่วนการจะเซ็นสัญญาจ้างดีดีได้เมื่อไร จะต้องให้กระทรวงการคลังสรุปการเจรจาเงื่อนไข ผลตอบแทนรวมถึงรอผลการหารืออัยการเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง
“ผมได้รายงานความคืบหน้าการสรรหาดีดีการบินไทยต่อรมว.คมนาคม และแจ้งให้ทราบว่า ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบในประเด็นข้อกฎหมายเพื่อความรอบคอบ สุดท้ายต้องเสนอผลทั้งเรื่องเงื่อนไขการบริหารผลตอบแทนและผลหารืออัยการสูงสุด กลับมาที่บอร์ดเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ดังนั้นตอนนี้ขั้นตอนการสรรหายังไม่จบ ก่อนหน้านี้บอร์ดเห็นชอบผลการสรรหาตามที่คณะกรรมการสรรหาฯเสนอเท่านั้น สรรหาจะสมบูรณ์ต่อเมื่อเซ็นสัญญาแล้ว เพราะหากเจรจาเงื่อนไขแล้วรับกันไม่ได้ ก็เซ็นสัญญาไม่ได้อยู่ดี”นายอำพนกล่าว
นายอำพนกล่าวว่า สัญญาจ้างดีดีครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมเพราะมีเงื่อนไขการบริหารงานและการวัดผลที่ชัดเจน ต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างไร ปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างไร บริหารความเสี่ยงน้ำมันอย่างไร เป็นต้น มีเครื่องมือไว้ครบตามที่เจรจากัน ดีดีเข้ามาทำงานได้เลย ใช้แนวทางเดียงกับผู้บริหารเคียงบริษัท ปตท. จำกัด
แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย กล่าวว่า ป.ป.ช.ส่งหนังสือขอข้อมูลการสรรหาดีดีการบินไทยมายังกระทรวงคมนาคมโดยเฉพาะคุณสมบัติของนายปิยสวัสดิ์ ที่สมัครสรรหาเมื่อ มี.ค. 2552 ซึ่งยังไม่พ้นกำหนด ลาออกจากบอร์ดบาฟส์ 3 ปี เป็นการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงในข้อกฎหมายว่าคุณสมบัติไม่ถูกต้อง และได้ถูกร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้วแต่บอร์ดการบินไทยมีมติเห็นชอบผลการสรรหาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2552 ตามที่คณะกรรมการสรรหา ฯ ที่มีนายอารีพงศ์ภู่ชอุ่ม เป็นประธาน โดยให้ความเห็นกรณีที่นายปิยะสวัสดิ์ ลาออกจากบอร์ดบาฟส์ไม่ครบ 3ปีว่า บาฟส์ไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการบินไทย เนื่องจากธุรกิจด้านน้ำมันไม่ใช่ธุรกิจหลักของการบินไทยและบริษัทไม่ได้หารายได้จากธุรกิจน้ำมัน
