เหตุจอดับ 1 ชั่วโมง คาดช่อง 3 เสียหายหลายสิบล้าน ผู้บริหารนัดประชุมด่วนเพื่อสรุปตัวเลขความเสียหาย และเปิดแถลงข่าวในวันนี้ หัวหน้าฝ่ายผลิต ชี้ เป็นเหตุสุดวิสัย เพราะน้ำเกิดทะลักเข้าเครื่องปั่นไฟ ยอมรับเอเยนซีสวดกระหน่ำ ทำคนดูทั่วประเทศตื่นตระหนก ถามแซดใครมาอุ้มช่อง 3 ไปหรือเปล่า ขณะที่พนักงานและผู้ร่วมรายการแตกตื่น เผ่นกระเจิงออกมาดูภายนอกอาคาร
นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิต สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC กล่าวชี้แจงกรณีไฟฟ้าดับช่วงบ่ายวันที่ 16 กันยายน 2552 (วานนี้) เป็นเวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง และเหตุขัดข้องทางเทคนิค หลังจบรายการสีสันบันเทิง และช่วงก่อนจะเริ่มตอนแรกของละครเรื่อง “ขอแค่ให้เรารักกัน” เป็นเวลาประมาณ 1 นาที โดยระบุว่า กรณีไฟฟ้าดับถือเป็นเหตุสุดวิสัย สาเหตุเกิดจากท่อน้ำทิ้งแตก ทะลักออกมาและไหลเข้าไปที่ห้องปั่นไฟฟ้า แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าสับสวิตช์ เพราะกลัวไฟฟ้าช็อต ต้องรอให้น้ำออกหมดก่อน เลยมีผลทำให้ไฟฟ้าดับในที่สุด
โดยเมื่อวานนี้ หลังเกิดเหตุขัดข้อง พนักงานและผู้ร่วมรายการของทางช่อง 3 ได้ออกมายืนด้านข้างอาคารของสถานี เนื่องจากเหตุการที่เกิดขึ้น ทำให้ไฟดับทั้งอาคาร ซึ่งต่อมาก็ได้มีการแก้ไขโดยใช้กระแสไฟจากรถถ่ายทอดชั่วคราว ขณะเดียวกัน ประชาชนที่สัญจรไปมาก็หยุดชะลอดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับช่อง 3 เพราะเห็นคนในอาคารออกมาข้างนอกเกือบทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการตื่นตระหนกช่วงสั้นๆ เพราะตอนนั้น ไม่มีใครทราบถึงสาเหตุที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ของสถานีได้เร่งดำเนินการแก้ไขจนกระทั่งเสร็จสิ้นตอนประมาณ 20.30 น.จึงได้ทำการตัดเข้ากระแสไฟฟ้าตรง เลยจำเป็นต้องหยุดการแพร่ภาพไปประมาณ 1 นาทีก่อนที่ละคร “ขอให้เราแค่รักกัน” ตอนแรกจะออกอากาศ
“ยืนยันว่า เหตุไฟฟ้าดับตอนบ่ายเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เพราะท่อน้ำทิ้งเกิดทะลักขึ้นมา เข้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ที่หยุดไป 1 นาทีตอนค่ำ อันนั้นเราตั้งใจอยู่แล้ว เพราะพอเราซ่อมเสร็จ เดินเครื่องเรียบร้อย เราก็หาจังหวะตัดกระแสไฟให้กลับไปที่เดิม”
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า สถานีต้องสูญเงินหลายสิบล้าน เนื่องจากค่าโฆษณาต่อนาทีมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งฝ่ายบริหารยังไม่กล้าที่จะให้ความเห็นในตอนนี้ และต้องรอผลสรุปจากการประชุมกันอีกครั้งในวันนี้
“อย่าให้พูดเป็นตัวเลขเลย เรื่องเงินค่าโฆษณาไม่เท่าไหร่ แต่มันเสียหายด้านอื่นมากกว่า อย่างเรื่องเสียโอกาสให้คนดู แต่เราก็พยายามแก้ไขแล้ว ถามว่าเอเยนซีโทรมากระหน่ำไหม ก็คงไม่เฉพาะเอเยนซีหรอก ใครก็โทรเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทางเว็บไซต์เขาก็ถามกัน ว่าใครอุ้มช่อง 3 ไปหรือเปล่า เพราะอยู่ดีๆ รายการก็หายไปจากหน้าจอ ตอนแรกคนก็คิดว่าทีวีเสียหรือเปล่า เราเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทุกคนก็ตกใจกันไปหมด”
นายสมรักษ์ ยังยืนยันอีกว่า บริษัทจะพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก ส่วนเรื่องมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะมีการประชุมของฝ่ายบริหารในวันนี้
ทั้งนี้ ช่อง 3 ถือว่า เป็นฟรีทีวีที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด และเป็นแชมป์ต่อเนื่องมานานถึง 8 เดือนติดต่อกัน (มกราคม-สิงหาคม 2552) โดยในเดือนสิงหาคม 2552 ครองส่วนแบ่งได้ 28.7% ช่อง 7 ได้ 28.2% ช่อง 5 ได้ 20.8% ช่อง 9 ได้ 18.7% และ NBT ได้แค่ 3.7%