รมช.คลัง ยอมรับ เหล้า-บุหรี่เถื่อน ยอดพุ่ง หลังปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต รัฐสูญเสียรายได้ปีละหมื่นล้าน ไม่คุ้มยอดจัดเก็บปีละ 2-4 พันล้าน ยันเพียงพอ ไม่ต้องปรับขึ้นรอบ 2
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานปิดโครงการ “แฟมิลี่ เดย์ เซย์ โน” ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ให้บุคคลในครอบครัว ลด ละ เลิก อบายมุข โดยเฉพาะการเสพสุรา และบุหรี่ ซึ่งโครงการได้รณรงค์มาครบเวลา 3 เดือน และได้รับผลตอบรับที่ดี ในวันเดียวนี้กรมสรรพสามิต ยังได้นำของกลาง เหล้า และบุหรี่เถื่อน มาทำลาย แบ่งเป็นบุหรี่เถื่อนจำนวน 1,000,000 ซอง และสุราเถื่อนจำนวน 50,000 ลิตร
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่า นับจากรัฐบาลมีการประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิต เหล้าและบุหรี่ครั้งหลังสุด ทำให้ปัญหาสุรา และบุหรี่เถื่อน ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าตามตะเข็บแนวชายแดน โดยการกวดขันกวาดจับของเจ้าหน้าที่รัฐขณะนี้ ทำให้ยอดจับกุมสูงขึ้น จากมูลค่าของกลาง 7-10 ล้านบาทต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเป็น 10-15 ล้านบาทต่อสัปดาห์
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวก็ทำให้ยอดสูญรายได้จากภาษีของรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีละ 5,000-8,000 ล้านบาท เป็นปีละ 8,000-10,000 ล้านบาท ขณะที่การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ยังทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มจากภาษีประเภทดังกล่าว อีกปีละ 2,000-4,000 ล้านบาท จากยอดจับเก็บปกติปีละ 30,000 ล้านบาท
ส่วนการนำรายได้จากการเพิ่มขึ้นของภาษีดังกล่าว รัฐบาลได้นำไปใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น 5 มาตรการน้ำประปา ไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ ฟรี ซึ่งขณะนี้เงินรายได้จากภาษีมีเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตอีกครั้ง
ส่วนประเด็นที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอให้มีการลดภาษีนำเข้าสินค้าทุน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจนใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมทั้งในสัปดาห์หน้า กระทรวงคลังจะมีการหารือร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อปรับหลักเกณฑ์ในการกู้ยืมเงินของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานปิดโครงการ “แฟมิลี่ เดย์ เซย์ โน” ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ให้บุคคลในครอบครัว ลด ละ เลิก อบายมุข โดยเฉพาะการเสพสุรา และบุหรี่ ซึ่งโครงการได้รณรงค์มาครบเวลา 3 เดือน และได้รับผลตอบรับที่ดี ในวันเดียวนี้กรมสรรพสามิต ยังได้นำของกลาง เหล้า และบุหรี่เถื่อน มาทำลาย แบ่งเป็นบุหรี่เถื่อนจำนวน 1,000,000 ซอง และสุราเถื่อนจำนวน 50,000 ลิตร
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่า นับจากรัฐบาลมีการประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิต เหล้าและบุหรี่ครั้งหลังสุด ทำให้ปัญหาสุรา และบุหรี่เถื่อน ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าตามตะเข็บแนวชายแดน โดยการกวดขันกวาดจับของเจ้าหน้าที่รัฐขณะนี้ ทำให้ยอดจับกุมสูงขึ้น จากมูลค่าของกลาง 7-10 ล้านบาทต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเป็น 10-15 ล้านบาทต่อสัปดาห์
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวก็ทำให้ยอดสูญรายได้จากภาษีของรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีละ 5,000-8,000 ล้านบาท เป็นปีละ 8,000-10,000 ล้านบาท ขณะที่การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ยังทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มจากภาษีประเภทดังกล่าว อีกปีละ 2,000-4,000 ล้านบาท จากยอดจับเก็บปกติปีละ 30,000 ล้านบาท
ส่วนการนำรายได้จากการเพิ่มขึ้นของภาษีดังกล่าว รัฐบาลได้นำไปใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น 5 มาตรการน้ำประปา ไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ ฟรี ซึ่งขณะนี้เงินรายได้จากภาษีมีเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตอีกครั้ง
ส่วนประเด็นที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอให้มีการลดภาษีนำเข้าสินค้าทุน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจนใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมทั้งในสัปดาห์หน้า กระทรวงคลังจะมีการหารือร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อปรับหลักเกณฑ์ในการกู้ยืมเงินของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น