ASTVผู้จัดการรายวัน - รมช.คลังเผยหลังขึ้นภาษีบุหรี่สุราน้ำมันยอดลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีพุ่งปรี๊ด บุหรี่ครองแชมป์เพิ่มมากกว่า 10 เท่า ยอดค่าปรับทะลุ 10 ล้านบาท ส่วนน้ำมันจับได้ 2 รายใหญ่ดีเซลกว่า 3 หมื่นลิตรค่าปรับเฉียดล้าน
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสุรา บุหรี่และน้ำมัน พบว่ามีการลักลอบน้ำเข้าสินค้าทั้ง 3 ประเภทเพิ่มขึ้นตามแนวชายแดนโดยเฉพาะด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่มีการลักลอบนำเข้าเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลังประกาศขึ้นภาษีกรมสรรพสามิตสามารถจับบุหรี่ลักลอบนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ซึ่งเป็นการลักลอบนำเข้าทั้งจากรายเล็ก รายกลางและรายใหญ่
จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมสรรพสามิตพบว่าปกติแล้วค่าปรับการลักลอบนำเข้าบุหรี่จะอยู่ที่เดือนละ 7 แสนบาท แต่ในช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมามียอดค่าปรับการลักลอบนำเข้าบุหรี่ถึง 10 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าบุหรี่ประมาณ 2 ล้านบาท โดยเฉพาะบุหรี่ต่างประเทศที่มีการผลิตถูกต้องมีการลักลอบนำเข้าในปริมาณที่สูงซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามเข้มงวดมากขึ้น
นพ.พฤฒิชัยกล่าวว่า ฝ่ายป้องกันและปราบปราม 3 สำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต สามารถจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ. สรรพสามิต พ.ศ. 2527 จำนวน 2 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายแรกจับกุมได้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 02.15 น. โดยจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางเป็นรถยนต์บรรทุกน้ำมัน 10 ล้อ ยี่ห้อ HINO หมายเลขทะเบียน 71-3355 ชลบุรี บรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 17,000 ลิตร ได้ที่บริเวณถนนสุขุมวิท อ.แกลง - ระยอง หมู่ที่ 9 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง คิดเป็นภาษี 90,270 บาท อัตราภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5.310 บาท คิดเป็นค่าปรับจำนวน 451,350 บาท
ส่วนรายที่สอง จับกุมได้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 02.45 น. โดยจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อ ISUZU หมายเลขทะเบียน 81-1015 ระยอง บรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 16,000 ลิตร ได้ที่บริเวณถนนสุขุมวิท อ.แกลง – ระยอง หมู่ที่ 9 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง คิดเป็นภาษี 84,960 บาท และคิดเป็นค่าปรับจำนวน 424,800 บาท รวมจับกุมผู้กระทำผิดได้ทั้งสิ้น จำนวน 2 ราย เป็นน้ำมันดีเซล 33,000ลิตร คิดเป็นภาษี 175,230 บาท และคิดเป็นค่าปรับจำนวน 876,150 บาท
“การจับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนทั้งสองรายนี้มีการเรียกเก็บเงินค่าปรับ 5 เท่าของมูลค่าสินค้าและผู้ต้องหาได้ชำระภาษีและเงินค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำน้ำมันไปขายได้ตามปกติ ซึ่งกรมสรรพสามิตได้คาดโทษไว้หากพบว่ามีการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนเป็นครั้งที่สองจะปรับสูงสุดเต็มเพดาน 10 เท่า” นพ.พฤฒิชัยกล่าวและว่า สำหรับสุรายังไม่มีการลักลอบนำเข้ามากนักเฉลี่ยเพียงเดือนละ 10 – 15 คดีเท่านั้นเนื่องจากกรมสรรพสามิตจัดเก็บสุราต่างประเทศเต็มเพดานอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอเพิ่มกำลังคนในการตรวจสอบ จับกุมการลักลอบนำเข้าซึ่งในปัจจุบันมีเจ้าพนักงานของกรมสรรพสามิตในการจับกุมเพียง 600 คนเท่านั้น ซึ่งในการเพิ่มจำนวนบุคลากรในครั้งนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพกาตรวจสอบโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ร่วมด้วยโดยตั้งงบประมาณการดำเนินการไว้ประมาณ 900 ล้านบาทและอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งคณะรัฐมนตรีและสำนักงานข้าราชการพลเรือน.
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสุรา บุหรี่และน้ำมัน พบว่ามีการลักลอบน้ำเข้าสินค้าทั้ง 3 ประเภทเพิ่มขึ้นตามแนวชายแดนโดยเฉพาะด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่มีการลักลอบนำเข้าเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลังประกาศขึ้นภาษีกรมสรรพสามิตสามารถจับบุหรี่ลักลอบนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ซึ่งเป็นการลักลอบนำเข้าทั้งจากรายเล็ก รายกลางและรายใหญ่
จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมสรรพสามิตพบว่าปกติแล้วค่าปรับการลักลอบนำเข้าบุหรี่จะอยู่ที่เดือนละ 7 แสนบาท แต่ในช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมามียอดค่าปรับการลักลอบนำเข้าบุหรี่ถึง 10 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าบุหรี่ประมาณ 2 ล้านบาท โดยเฉพาะบุหรี่ต่างประเทศที่มีการผลิตถูกต้องมีการลักลอบนำเข้าในปริมาณที่สูงซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามเข้มงวดมากขึ้น
นพ.พฤฒิชัยกล่าวว่า ฝ่ายป้องกันและปราบปราม 3 สำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต สามารถจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ. สรรพสามิต พ.ศ. 2527 จำนวน 2 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายแรกจับกุมได้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 02.15 น. โดยจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางเป็นรถยนต์บรรทุกน้ำมัน 10 ล้อ ยี่ห้อ HINO หมายเลขทะเบียน 71-3355 ชลบุรี บรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 17,000 ลิตร ได้ที่บริเวณถนนสุขุมวิท อ.แกลง - ระยอง หมู่ที่ 9 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง คิดเป็นภาษี 90,270 บาท อัตราภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5.310 บาท คิดเป็นค่าปรับจำนวน 451,350 บาท
ส่วนรายที่สอง จับกุมได้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 02.45 น. โดยจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อ ISUZU หมายเลขทะเบียน 81-1015 ระยอง บรรทุกน้ำมันดีเซล จำนวน 16,000 ลิตร ได้ที่บริเวณถนนสุขุมวิท อ.แกลง – ระยอง หมู่ที่ 9 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง คิดเป็นภาษี 84,960 บาท และคิดเป็นค่าปรับจำนวน 424,800 บาท รวมจับกุมผู้กระทำผิดได้ทั้งสิ้น จำนวน 2 ราย เป็นน้ำมันดีเซล 33,000ลิตร คิดเป็นภาษี 175,230 บาท และคิดเป็นค่าปรับจำนวน 876,150 บาท
“การจับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนทั้งสองรายนี้มีการเรียกเก็บเงินค่าปรับ 5 เท่าของมูลค่าสินค้าและผู้ต้องหาได้ชำระภาษีและเงินค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำน้ำมันไปขายได้ตามปกติ ซึ่งกรมสรรพสามิตได้คาดโทษไว้หากพบว่ามีการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนเป็นครั้งที่สองจะปรับสูงสุดเต็มเพดาน 10 เท่า” นพ.พฤฒิชัยกล่าวและว่า สำหรับสุรายังไม่มีการลักลอบนำเข้ามากนักเฉลี่ยเพียงเดือนละ 10 – 15 คดีเท่านั้นเนื่องจากกรมสรรพสามิตจัดเก็บสุราต่างประเทศเต็มเพดานอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอเพิ่มกำลังคนในการตรวจสอบ จับกุมการลักลอบนำเข้าซึ่งในปัจจุบันมีเจ้าพนักงานของกรมสรรพสามิตในการจับกุมเพียง 600 คนเท่านั้น ซึ่งในการเพิ่มจำนวนบุคลากรในครั้งนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพกาตรวจสอบโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ร่วมด้วยโดยตั้งงบประมาณการดำเนินการไว้ประมาณ 900 ล้านบาทและอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งคณะรัฐมนตรีและสำนักงานข้าราชการพลเรือน.