รมว.คลัง ห่วง 2 ปัจจัย ค่าเงินบาทแข็ง-ราคาน้ำมันพุ่ง กดดันการขยายตัว ศก.ไทยปี 52 ยันจีดีพี Q1 ติดลบ 7.1% ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่ทิศทาง ศก.โลก ยังไม่ฟื้นง่ายๆ หวั่นสหรัฐฯ ปั๊มดอลลาร์ท่วม กดดันบาทแข็ง ขณะที่น้ำมันโลกจ่อแตะ 85 ดอลลาร์/บาเรล
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการสัมมนาประจำปี 2552 เรื่อง “โอกาส...ประเทศไทย” จัดโดยโครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โดยระบุถึงตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2552 (จีดีพี) ที่ติดลบสูงถึง 7.1% น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และจากนี้ไป การหดตัวจะลดลงไม่เท่ากับไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง ยังห่วงภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่จะมากระทบไทย ดังนั้น รัฐบาลต้องหาแนวทางเข้าไปช่วยฟื้นเศรษฐกิจ เพราะเอกชนยังไม่พร้อมเดินหน้าลงทุน แต่จากกรณีปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐโดยเฉพาะปัญหาสถาบันการเงินที่กำลังมีปัญหาทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องดูแลสถาบันการเงินและการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกสู่ระบบเพิ่ม แม้จะทำให้ประชาชนมีเงินใช้จ่าย และส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยบ้าง แต่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลต่อเงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออก และเมื่อเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวจะทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น มองว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปัจจัยสำคัญกระทบเศรษฐกิจของไทยจะมีทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและปัญหาราคาน้ำมันแพง
รมว.คลัง กล่าวอีกว่าเมื่อรัฐบาลเริ่มเดินหน้ากู้เงิน 400,000 ล้านบาท และ พ.ร.บ.กู้เงินระยะยาวอีก 400,000 ล้านบาท เพื่อต้องการใช้เงินจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จากเงินลงทุน 1.43 ล้านล้านบาท จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น แม้รัฐบาลจะมีอายุไม่ถึงปี หากรัฐบาลใดมาสานต่อคงต้องดำเนินการใช้เงินจากโครงการเดิมที่รัฐบาลปูทางไว้ เพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินผ่านโครงการดังกล่าว แม้การเมืองจะทำให้เศรษฐกิจสะดุด แต่ประชาชนอยากเห็นทุกรัฐบาลผลักดันโครงการลงทุนให้เดินหน้าต่อ