“โฆสิต” คงคาดการณ์ GDP ปี 52 ยังติดลบ 3% แม้เห็นแววฟื้น-เชื่อเป็นบวกได้ใน Q4/52 ห่วงกำลังการผลิตฟื้นไม่เต็มที่-การบริโภคหดตัว เพราะระบบ ศก.ไทย อิงกับส่งออก และทิศทาง ศก.โลก แนะรัฐแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยปั๊มเม็ดเงินใส่ระบบ ลั่นถึงเวลาแล้ว ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างใหม่ แม้จะต้องเจ็บปวด และใช้เวลานานก็ตาม
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ยังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2552 จะหดตัวประมาณ 3% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม โดยตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2552 เป็นต้นไป คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นเป็นบวกได้ หลังจากติดลบต่อเนื่องกันมา 3 ไตรมาส ซึ่งการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2552 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานจีดีพีช่วงไตรมาส 4 ปี 2551 อยู่ในระดับต่ำ
นายโฆสิตมองว่า เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าใช้กำลังการผลิต นอกจากนี้การบริโภคภาคเอกชนยังหดตัว ซึ่งไม่สามารถจะหวังให้มีการใช้จ่ายของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะทำได้คือทำหน้าที่นำในการใช้จ่ายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
ขณะเดียวกัน มองว่าการที่ประเทศไทยจำเป็นต้องพึ่งพาการส่งออกถึง 70% ของจีดีพี ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจโลกประสบปัญหาและส่งผลต่อการค้าโลก ซึ่งกระทบต่อเนื่องมาถึงเศรษฐกิจไทยด้วยนั้น ไทยคงจะผ่านพ้นวิกฤตได้ก็ต่อเมื่อตลาดโลกมีสภาพที่เอื้ออำนวย ดังนั้นจึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่ไทยจะต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และลดการพึ่งพาการส่งออก แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม
นายโฆสิตยังกล่าวถึงสินเชื่อรวมของ BBL ในปีนี้ว่ายังคงเป้าการขยายตัวไว้ที่ 3-5% โดยสินเชื่อของธุรกิจ SMEs ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 5% แต่ยอมรับว่าครึ่งปีแรกอาจติดลบ เพราะการเติบโตของสินเชื่อจะสัมพันธ์กับจีดีพีของประเทศ ทั้งนี้หวังว่าช่วงครึ่งปีหลังปริมาณสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 ถึงเดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งไม่มีสัญญาณที่ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจะชะลอลง ขณะเดียวกันยังไม่เห็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าเดิม
