บอร์ด ตลท.ลดเป้า บจ.ใหม่ปี 52 จาก 46 แห่ง เหลือเพียง 37 บริษัท พร้อมจับตาสถานการณ์-ความเสี่ยง ศก.โลกใกล้ชิด คาด 11 ส.ค.หลังใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากลงเหลือ 1 ล้านบาท ส่งผลให้เม็ดเงินทะลักเข้าตลาดหุ้น
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ตลท. วันนี้ (11 พฤษภาคม 2552) มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับแผนกลยุทธ์ของ ตลท. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก พร้อมติดตามสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที โดยกลยุทธ์ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ลงทุน ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบริษัทจดทะเบียน และการบริหารจัดการและการพัฒนาองค์กร
ด้านบริษัทจดทะเบียน ได้มีการปรับลดเป้าหมายจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่จาก 46 เป็น 37 บริษัท มุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนที่มีแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เช่น การควบรวม หรือการปรับโครงสร้างเป็น Holding Company ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากการร่วมลงทุนของผู้ลงทุน Venture Capital โดยเฉพาะบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
ด้านการขยายฐานผู้ลงทุน คือ การทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อขยายเคาน์เตอร์ให้บริการด้านหลักทรัพย์ผ่านสาขาของธนาคาร เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ฝากเงินธนาคารเข้าถึงการลงทุนในตลาดทุนได้สะดวกขึ้น ส่งเสริมให้มีผู้ลงทุนสถาบันโดยเฉพาะกองทุนรวมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านการปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ จะมีการเพิ่มตราสารประเภทใหม่ ๆ ที่มีการคุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะให้ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารนำเงินมาลงทุนในตลาดทุนได้อย่างมั่นใจ ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีหลังจาก พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เริ่มทยอยลดความคุ้มครองเงินต้นของผู้ฝากเงินในธนาคารลงจนเหลือ 1 ล้านบาท ตั้งแต่ 11 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ตลท. วันนี้ (11 พฤษภาคม 2552) มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับแผนกลยุทธ์ของ ตลท. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก พร้อมติดตามสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที โดยกลยุทธ์ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ลงทุน ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบริษัทจดทะเบียน และการบริหารจัดการและการพัฒนาองค์กร
ด้านบริษัทจดทะเบียน ได้มีการปรับลดเป้าหมายจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่จาก 46 เป็น 37 บริษัท มุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนที่มีแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เช่น การควบรวม หรือการปรับโครงสร้างเป็น Holding Company ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากการร่วมลงทุนของผู้ลงทุน Venture Capital โดยเฉพาะบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
ด้านการขยายฐานผู้ลงทุน คือ การทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อขยายเคาน์เตอร์ให้บริการด้านหลักทรัพย์ผ่านสาขาของธนาคาร เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ฝากเงินธนาคารเข้าถึงการลงทุนในตลาดทุนได้สะดวกขึ้น ส่งเสริมให้มีผู้ลงทุนสถาบันโดยเฉพาะกองทุนรวมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านการปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ จะมีการเพิ่มตราสารประเภทใหม่ ๆ ที่มีการคุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะให้ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารนำเงินมาลงทุนในตลาดทุนได้อย่างมั่นใจ ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีหลังจาก พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เริ่มทยอยลดความคุ้มครองเงินต้นของผู้ฝากเงินในธนาคารลงจนเหลือ 1 ล้านบาท ตั้งแต่ 11 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป