xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” แจงรัฐบาลขึ้นภาษีบาป-น้ำมัน ผ่าทางตัน ศก.ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“อภิสิทธิ์” แจงรัฐบาลจำเป็นต้องขึ้นภาษีเหล้า-น้ำมัน ศก.ไทยเผชิญมรสุม ศก.โลก “จีดีพี” ติดลบต่อเนื่อง กระทบการจัดเก็บรายได้พลาดเป้า 2 แสนล้าน ส่วนการหั่นงบ “กลาโหม” เชื่อผู้นำกองทัพเข้าใจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เช้าวันนี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ โดยระบุว่า ภาคการส่งออก การนำเข้า การท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมหดตัวลง มีอัตราการเจริญเติบโตที่ติดลบมาโดยตลอดจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้ามากกว่า 200,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของรัฐบาล โดยเฉพาะการวางแผนจัดสรรงบประมาณปีงบประมาณ 2553 รัฐบาล จึงจำเป็นต้องปรับฐานการจัดเก็บภาษีในส่วนของเหล้า และบุหรี่ เพื่อให้รัฐจัดเก็บรายได้เพิ่ม

นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนด้วย จึงทำให้เหล้าเบียร์มีราคาแพงขึ้นประมาณ 4-6 บาทต่อขวด ขณะที่รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทต่อปี

ส่วนภาษีบุหรี่ขณะนี้มีการจัดเก็บเต็มเพดานแล้ว จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับขยายเพดานภาษีใหม่ โดยอาจจัดเก็บในอัตรา 10 บาทต่อซอง สำหรับบุหรี่ในประเทศ

ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีฐานะทางการเงิน และสภาพคล่องดีขึ้นโดยมีเงินกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท ดังนั้น หากขยับการจัดเก็บภาษีน้ำมันขึ้นก็จะลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลงประชาชนก็ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดจัดเก็บภาษีอื่นๆ เพิ่มอีก ยกเว้นภาษีทรัพย์สิน การศึกษา และมรดก ที่มีแนวโน้มปรับขยายการจัดเก็บภาษีขึ้นอีกในอนาคต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นข้อกฎหมาย คาดว่า จะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะมีผลบังคับใช้ได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลดงบประมาณของกองทัพ โดยระบุว่า ตนเองได้พูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพแล้ว และทุกคนมีความเข้าใจในสถานการณ์ดีโดยทุกคนต้องยอมรับในสภาพนี้ ส่วนปัญหาเรื่องการจัดซื้ออาวุธของกองทัพนั้น ได้เปิดโอกาสให้เสนอมาใหม่ได้ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาดูว่า มีช่องทางอย่างไร

“การตัดงบประมาณกระทรวงใด ไม่ได้พิจารณาว่าเป็นกระทรวงของพรรคไหน แต่ยึดที่ตัวงานเป็นหลัก จึงไม่คิดว่าจะเกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล”

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า บางกระทรวงที่ถูกปรับลดงบประมาณได้ร้องขอให้ช่วยดูแลเป็นพิเศษ โดยสถานการณ์ขณะนี้ที่อาวุธสงครามหาง่ายขึ้นนั้น ผู้บัญชาการทหารบกได้ดูแลอยู่แล้ว มีการดำเนินการตรวจสอบเป็นการภายใน ซึ่งรวมถึงกรณีของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กำลังโหลดความคิดเห็น