xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คย้ำกองทัพต้องรับสภาพ กรณีถูกปรับลดงบประมาณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดสรร งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ระหว่างการดำเนินรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เมื่อเช้าวานนี้ (10พ.ค.) ว่า จะต้องเอาเข้าครม. อีกครั้งในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ซึ่งเรามีหลักในการพิจารณาว่าแต่ละกระทรวง จะปรับลดเท่าไหร่ อย่างไร โดยจะดูเรื่องของรายจ่ายที่ไม่สามารถตัดได้ เช่น เงินเดือน ค่าใช้สอยตามปกติ หรือว่าสิ่งที่มีข้อผูกพันอยู่ ก็ต้องให้ตรงนั้นก่อน
"พูดตามตรง พอเงินลดลงไป 2 แสนล้าน ทำเฉพาะตรงนี้ก็เกือบเต็มแล้ว เพราะฉะนั้น โครงการใหม่ มีค่อนข้างน้อย ขณะเดียวกันโครงการลงทุนที่เข้าเกณฑ์แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็มาใช้เงินนอกงบประมาณ ก็จะมีปัญหาอยู่บางกระทรวง เมื่อผมเห็นตัวเลขแล้ว ก็ขอให้เขาลองไปช่วยดูให้เป็นพิเศษ เช่น กระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเหล่านี้ เดิมได้รับงบประมาณอาจจะไม่เยอะมาก ทีนี้พอมีการปรับลดอะไรไปแล้ว ก็เลยแทบหาโครงการใหม่ได้น้อยมาก แล้วก็บังเอิญงานของเขาอาจจะไม่ใช่งานในลักษณะที่จะไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เลยไม่เข้าเกณฑ์ที่ จะได้ใช้เงินนอกงบประมาณด้วย เพราะฉะนั้น กระทรวงเหล่านี้ก็ขอให้ทางสำนักงบประมาณลองไปดู ว่าจะมีทางเพิ่มเติมให้เขาได้หรือไม่อย่างไร"
ส่วนงบประมาณของกองทัพ มีทีการวิพากษ์วจารณ์กันมากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันแรกต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพก่อน ถ้าเราดูงบประมาณในเรื่องของการป้องกันประเทศ และโดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์ ถ้าดูย้อนหลังไปประมาณเกือบ 10 ปี เราจะพบว่าของเราเพิ่มขึ้นน้อยมาก เพิ่งมาได้เพิ่มขึ้น 2 ปีหลังที่ผ่านมา ก็เป็นสมัยรัฐบาลท่าน พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ กับรัฐบาลของท่านนายกฯสมัคร สุนทรเวช ที่ได้เพิ่มขึ้นมา แต่ถ้าเทียบกับการใช้จ่ายของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ต้องถือว่าของเรายังน้อย เพราะฉะนั้น ความจำเป็นของเขายังมี ที่ทราบมาว่าการตัดงบประมาณตรงนี้ลงไป มันมีปัญหาอันที่หนึ่งคือว่า มีปัญหาว่า พร้อมจะดำเนินการหรือเปล่า ที่ถามว่าพร้อมจะดำเนินการหรือเปล่า ก็คือว่า การจัดซื้ออาวุธที่ผ่านมา จะทำในลักษณะรัฐต่อรัฐ ขณะนี้การซื้อรัฐต่อรัฐ กระบวนการค่อนข้างที่จะเป็นปัญหา เพราะว่าอาจจะติดขัดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ จะไปเจรจากับใครต้องเอาเข้าสภา เมื่อต้องเอาเข้าสภา จะไปซื้ออาวุธจากใครเขาก็ไม่อยากให้ เป็นเรื่องที่ระหว่างเจรจามันมีปัญหาเป็นข้อมูลที่ออกมา ตรงนี้ก็เลยเป็นปัญหาอยู่
"เรากำลังหาทางออกกันอยู่ ได้ให้ทางกองทัพลองไปดูว่า ถ้าเขาคิดว่ามีวิธีการในการจัดซื้อจัดหาในสิ่งที่มีความจำเป็นชัดเจน ก็ยังเปิดโอกาสให้เสนอกลับเข้ามา และจะพยายามให้ทางสำนักงบประมาณดูว่า ความจำเป็นตรงนั้นจะสามารถหาเงินจากส่วนไหน อย่างไรมาดูแลได้ แต่สำนักนายกรัฐมนตรี งบกลางเที่ยวนี้ก็มีการตัดลดให้เห็นก่อนว่า ทุกคนต้องยอมรับสภาพอันนี้ " นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีโอกาสได้คุยกับผู้นำเหล่าทัพ คิดว่าท่านก็เข้าใจสถานการณ์ เราก็เคยผ่านปัญหาอย่างนี้มาเมื่อปี 2540 เหมือนกัน แต่ได้เรียนกับทางผู้นำเหล่าทัพว่า ตนเข้าใจดี เหมือนกับที่เล่าให้ประชาชนฟังเมื่อสักครู่ว่า 10 ปีที่ผ่านมา ถูกปรับลดไปเยอะ และมีความจำเป็น แต่ก็ขอการยืนยันในแง่ความพร้อมมา เพราะถ้าเราจัดงบประมาณไป สุดท้ายมีขั้นตอนที่เป็นปัญหา ทำให้โครงการเดินไม่ได้ เงินก็ไม่ได้ใช้ มันก็เป็นการเสียโอกาสของการทำงานของรัฐบาลในส่วนอื่น ตนยังคิดว่าในช่วงที่จะมีการดูรายละเอียดกันเพิ่มเติม ทางกองทัพคงจะมีคำตอบมา และรัฐบาลก็จะพิจารณาให้
ส่วนการตัดงบในกระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลดูแลอยู่ จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลาเราพิจารณาว่า ตัด ไม่ตัด ไม่ได้ดูว่าใครเป็นพรรคที่ดูแลกระทรวงไหน แต่เราดูตามงาน และ สิ่งสำคัญก็คือพรรคร่วมรัฐบาล เราทำงานเราร่วมกันรับผิดชอบ งานทุกอย่างของกระทรวงไหนก็คืองานของรัฐบาล งานของรัฐบาลออกมาดี ก็เป็นความชอบทุกพรรค งานรัฐบาลออกมาไม่ดี ทุกพรรคก็ต้องร่วมกันรับอยู่แล้ว ในทางการเมือง เพราะฉะนั้นเราอย่าไปคิดแบบนั้นเลย และได้คุยกันใน ครม. ว่าอย่าไปคิดแบบนั้นเลย ยกตัวอย่างว่า พอเรามีนโยบายของรัฐบาล เราบอกเรียนฟรี ตนว่าเรื่องงบเรียนฟรีก็ต้องจัด แต่ไม่ว่าพรรคไหนจะดูกระทรวงศึกษาธิการ งบเรียนฟรีก็ต้องจัด
กำลังโหลดความคิดเห็น