“อภิสิทธิ์” แจง ศก.โลกดิ่งเหว ส่งผล ศก.ไทยติดลบส่งผล เก็บภาษีพลาดเป้า 2 แสนล้าน ย้ำ รบ.จำเป็นปรับฐานการจัดเก็บภาษีในส่วนของเหล้าและบุหรี่ เพื่อรัฐมีรายได้ได้เพิ่ม 8 พันล. ขณะเดียวกัน ยืนยันยังไม่มีแนวคิดจัดเก็บภาษีอื่นๆ เพิ่มอีก ยกเว้นภาษีทรัพย์สิน การศึกษา และมรดกขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นข้อกฎหมายคาดใช้เวลาอีกระยะ จะมีผลบังคับใช้ ย้ำออก พ.ร.ก.กู้เงิน 8 แสนล้าน โปร่งใส ไม่ให้มีผลกระทบต่อวินัยทางการเงิน การคลัง
วันนี้ (10 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่า ภาคการส่งออก การนำเข้า การท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมหดตัวลง มีอัตราการเจริญเติบโตที่ติดลบมาโดยตลอดจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้ามากกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของรัฐบาล โดยเฉพาะการวางแผนจัดสรรงบประมาณปีงบประมาณ 2553 รัฐบาล จึงจำเป็นต้องปรับฐานการจัดเก็บภาษีในส่วนของเหล้าและบุหรี่ เพื่อให้รัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มและเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนด้วย จึงทำให้เหล้าเบียร์มีราคาแพงขึ้นประมาณ 4-6 บาทต่อขวด ขณะที่รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนภาษีบุหรี่ขณะนี้มีการจัดเก็บเต็มเพดานแล้ว จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับขยายเพดานภาษีใหม่ โดยอาจจัดเก็บในอัตรา 10 บาทต่อซองสำหรับบุหรี่ในประเทศ ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะทางการเงินและสภาพคล่องดีขึ้นโดยมีเงินกองทุน ประมาณ 20,000 ล้านบาท ดังนั้น หากขยับการจัดเก็บภาษีน้ำมันขึ้นจะลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลงประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดจัดเก็บภาษีอื่นๆ เพิ่มอีก ยกเว้นภาษีทรัพย์สิน การศึกษา และมรดก ที่มีแนวโน้มปรับขยายการจัดเก็บภาษีขึ้นอีกในอนาคต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นข้อกฎหมาย คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะมีผลบังคับใช้ได้
ทั้งนี้ รัฐบาลยังต้องมีการปรับลดวงเงินงบประมาณปี 2553 ลงอีกในทุกกระทรวง ยกเว้นกระทรวงการคลัง และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอซีที
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการออกพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินภายในประเทศในวงเงินงบประมาณ 800,000 ล้านบาท ว่าจะทำด้วยความโปร่งใส และไม่ให้มีผลกระทบต่อวินัยทางการเงินหรือการคลัง
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีวันนี้ อยู่ระหว่างการพักผ่อนส่วนตัวกับครอบครัวที่ จ.ภูเก็ต โดยมีกำหนดกลับที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 22.00 น.