ธปท.ลดเป้า “จีดีพี” ในปี 52 เป็นติดลบ 3.5-1.5% พร้อมยอมรับมีโอกาสหดตัวไปถึง 4-5% โดยมีปัจจัยลบจาก ศก.โลก และการเมืองในประเทศ แนะจับตาผลประชุม กนง.ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ชี้ชัด เหตุจลาจล 13 เม.ย.ไม่กระทบ ศก.มากนัก เพราะรัฐแก้เกมได้จบไว-ไม่นองเลือด แต่ดันมึนประเมินว่า เป็นช่วงโลว์ซีซัน ขณะที่ประเมินว่า การจัดประชุมอาเซียน อีกครั้ง มิ.ย.นี้ จะเรียกความเชื่อมั่นได้
มีรายงานข่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ ฉบับเดือนเมษายน 2552 โดยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2552 ลงมาที่ -3.5% ถึง -1.5% จากเดิมคาดไว้ว่าจะขยายตัว 0-2%
นางดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายนโยบายการเงิน กล่าวยอมรับว่า จีดีพี ในปี 2552 ยังมีโอกาสที่จีดีพีในปีนี้จะติดลบไปมากกว่านั้นได้ โดยอาจหดตัวไปถึง 4-5% ตามที่มีผู้คาดการณ์ไว้ หากเศรษฐกิจโลกยังคงทรุดตัวต่อเนื่อง และสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยังยืดเยื้อต่อไป
“เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นยังดีที่สามารถจบได้เร็ว แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะมีปัญหา ถ้าเกิดขึ้นอีก ขณะที่คาดการณ์จีดีพีในปี 2553 ปรับลดลงมาที่ขยายตัว 1.5-3.5% จากเดิมอยู่ที่ 2-4% ซึ่งคงต้องจับตาทั้ง 2 ปัจจัยเสี่ยง คือ เศรษฐกิจโลก และการเมืองในประเทศ”
ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการ “จีดีพี” มาจากสาเหตุการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ เพราะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ต่อเนื่องถึงการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน โดย ธปท.ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มาเหลือ -1.2% จากเดิมคาดขยายตัว 0.9%
นางดวงมณี กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการทบทวนการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ซึ่งจะได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งผลกระทบจากกสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และข้อมูลที่แท้จริงของภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ปี 2552
สำหรับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงสงกรานต์ แม้จะเกิดความวุ่นวายขึ้น แต่เชื่อว่า จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไม่มากนัก เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซันของการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว แต่ความรุนแรงสามารถจบได้เร็ว รัฐบาลสามารถควบคุมได้ ไม่เกิดเหตุนองเลือดจากความพยายามยั่วยุ
“ผลกระทบจากปัญหาการเมืองต่อภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ยังเห็นไม่ชัดเจนนัก ว่า จะมีมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ดีคือ รัฐบาลสามารถยุติเหตุการณ์ความวุ่นวายได้โดยเร็ว จึงน่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้เร็วพอสมควร และยิ่งรัฐบาลกำลังจะเตรียมจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาขึ้นมาอีกครั้งในกลางปีนี้ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นได้มากขึ้นอีก”
นางดวงมณี กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ถือว่า ดีขึ้นจากปลายปี 51 ที่จีดีพีติดลบไปถึง 6.1% โดยคาดว่าจีดีพีไตรมาส 1 ปี 2552 หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าก็อาจจะติดลบน้อยลงหรือเข้าสู่สมดุล จากนั้นหากเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (q-o-q)ตั้งแต่ไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ก็น่าจะเป็นบวก
แต่หากเทียบปีต่อปี (y-o-y) ก็มองว่าไตรมาสแรกของปีนี้จีดีพีจะติดลบสูงสุด จากนั้นจะค่อยๆ ติดลบน้อยลงในไตรมาส 2 ปี 2552 และไตรมาส 3 ปี 2552 ส่วนไตรมาส 4 ปี 2552 น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก
