ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ดุสิต นนทะนาคร” ปธ.หอการค้าไทย ชี้ ศก.ไทยซบหนักต่อเนื่องตลอดปี’ 52 หลังการเมืองในประเทศวุ่นวายซ้ำเติมวิกฤต ศก.โลก ย้ำนักธุรกิจยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองของไทย พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายหยุดซ้ำเติม ทำลายบั่นทอนประชาติและประชาชน ชี้ ก่อเหตุลอบยิง “สนธิ” เป็นเรื่องน่าละอาย สร้างปัญหาให้กับชาติ ทำให้คนไทยเดือดร้อนทั้งประเทศ ต้องยุติได้แล้ว ระบุเห็นด้วยกับการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อ เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง
วันนี้ (17 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังเดินทางมาปฐมนิเทศ คณะกรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ปีบริหาร 2552-2553 ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก จากผลกระทบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของโลก และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศยิ่งเป็นเหตุการณ์ซ้ำเติมหนักมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปภาคเอกชนต้องช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ในการช่วยกันพยุงภาวะเศรษฐกิจให้เดินไปได้ เอกชนทุกคนต้องมีความพร้อมในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ทำงานร่วมกัน เพราะปัญหาขณะนี้มีมาก ฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเต็มที่ ซึ่งหอการค้าไทยมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างเต็มที่
“คงต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจปีนี้ 2552 ไม่ดีเลย เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกการเจริญเติบโตติดลบทั้งหมดประเทศไทยเราก็ติดลบเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถพยุงไม่ให้เลวร้ายไปกว่าปัจจุบัน ทำอย่างไรจะให้เรามีความพร้อมที่จะเข้มแข็งเมื่อเศรษฐกิจของโลกดีขึ้น เราหวังว่าปีหน้าเศรษฐกิจของโลกจะเติบโตขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยเราดีขึ้นไปด้วยเพราะมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น” นายดุสิต กล่าว
นายดุสิต กล่าวต่อว่า สิ่งที่นักธุรกิจและนักลงทุนมองประเทศไทยขณะนี้ คือ ความไม่แน่นอนและความไม่นิ่งของการเมือง จึงอยากขอวิงวอนทุกฝ่ายให้ยุติเสียทีในการทำลายประเทศชาติเพราะไม่ดีกับใคร เป็นสิ่งที่บั่นทอนประชาชนคนไทยทั้งหมด มันต้องยุติ มันต้องเลิก ต้องกลับมารวมตัวกันและคิดว่า ทำอย่างไรให้ประเทศชาติเข้มแข็งให้ได้ แค่ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับโลกแล้วมากระทบกับไทยก็หนักหนาพอแล้ว อย่าไปซ้ำเติมปัญหาใหม่ให้กับประเทศชาติอีกเลย
ต่อข้อถามกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ถูกลอบยิงจะส่งผลให้การเมืองไทยร้อนแรงเพิ่มไปอีกหรือไม่ นั้น นายดุสิต กล่าวว่า มันต้องยุติได้แล้ว สิ่งใดที่จะสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติก็ควรจะเลิกทำ คุณจะไปทำอะไรที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเดือดร้อนมันเป็นเรื่องที่น่าละอาย ฉะนั้นต้องช่วยกันสร้างความร่วมมือกลับคืนมาให้ได้ในประเทศไทย
“วันนี้ภาคธุรกิจหวังว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยความเรียบร้อย สามารถที่จะดำเนินนโยบายที่จะควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ แล้วภาคเอกชนก็พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่ และพร้อมที่จะสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของรัฐบาลชุดนี้” นายดุสิต กล่าว
นายดุสิต กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลพยายามทำดีที่สุดแล้ว พยายามใช้ความนุ่มนวล อดทนในการแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งภาคเอกชนขอชื่นชม การทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาทางการเมือง จากนี้เป็นต้นไปต้องมาคิดกันว่า จะทำอย่างไรให้นักลงทุนต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ซึ่งในวันที่ 23 เม.ย.นี้ หอการค้าไทยจะมีการหารือร่วมกับหอการค้าต่างประเทศ ซึ่งจะได้พูดคุยกับนักลงทุนให้เกิดความเชื่อมั่นด้วย
สำหรับการที่รัฐบาลคงประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกสักระยะ นายดุสิต กล่าว่า เห็นด้วย เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง การที่ไปยกเลิกแล้วอาจเกิดปัญหาขึ้นมาอีก และการจะกลับมาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใหม่ยิ่งจะสร้างปัญหามากขึ้นด้วยซ้ำไป
“ฉะนั้น หากภาครัฐเห็นว่ายังมีความจำเป็นก็เข้าใจ ต้องคงไว้จนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยและยกเลิกเมื่อเห็นว่ามีความเหมาะสม” นายดุสิต กล่าว