จับตาแผนย้ายสนามบิน ไปสุวรรณภูมิ ไม่ได้ช่วยให้การบินไทยดีขึ้น ตามที่กล่าวอ้าง เตรียมเข็นแอร์บัส A330-300 ทั้งฝูง 6 ลำ เข้าไฟแนนซ์ แปลงเป็นเงินสดโปะค่าใช้จ่าย “ดีดี” ยันไม่เป็นภาระ เพราะเป็นสัญญาระยะยาว มั่นใจเริ่มเห็นกำไรไตรมาส 1 ปีนี้แน่
พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักเลขานุการบริษัท รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยมีแผนจะนำเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ทั้งหมดจำนวน 6 ลำ ที่จะเริ่มรับมอบในปีนี้ เข้าไฟแนนซ์ ซึ่งจะทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้นและสามารถลงทุนได้เพิ่ม ซึ่งจะได้ประโยชน์และคุ้มค่ามากกว่าการใช้วิธีผ่อนชำระค่าเครื่องบินเพียงอย่างเดียว โดยจะไฟแนนซ์ระยะยาว 10-15 ปี ทำให้ไม่เป็นภาระกับบริษัท
“บริษัททำรูปแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะมีความคุ้มค่ากว่า โดยปกติการจัดซื้อเครื่องบินจะจ่ายค่าเครื่องบินล่วงหน้า 20% ส่วนอีก 80% เป็นการทยอยชำระตามงวด ดังนั้น จะเอาส่วนที่เหลือ 80% ไปเข้าไฟแนนซ์ ซึ่งจะได้เงินก้อนกลับมาถึง 85% ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียน ทำการลงทุนเพิ่ม สร้างรายได้เพิ่มได้ ซึ่งในระหว่างการไฟแนนซ์บริษัทจะทำธุรกิจและมีรายได้เพิ่มเข้ามาสามารถนำไปชำระค่าเครื่องบินแต่ละงวดได้ อย่างไม่มีปัญหา” พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ กล่าว
พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 (มกราคม-มีนาคม) ของปี 2552 มั่นใจว่า บริษัทจะมีกำไรแน่นอน โดยอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (cabin factor) ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 74.5% ส่วนยอดการจองตั๋วล่วงหน้า (booking) โดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง โดยเส้นทางบินระหว่างประเทศมียอด booking เฉลี่ยถึง 81.39% สูงสุดเป็นเส้นทางโซนแปซิฟิกเหนือ เช่น เกาหลี มียอดจองตั๋วล่วงหน้าที่ 88.5% รองลงมา คือ เส้นทางโซนยุโรป 87.36%
ส่วนความคืบหน้าการจัดทำแผนปรับปรุงธุรกิจ (Business Improvement Plan) ปี 2552-2554 นั้น คณะกรรมการฟื้นฟูธุรกิจและการเงินที่มี นายพิชัย ชุณหวชิระ กรรมการบริษัทเป็นประธาน จะสรุปการจัดทำแผนในวันที่ 1 เมษายน 2552 นี้ และผู้บริหารบริษัทจะชี้แจงแผนดังกล่าวแก่พนักงานเพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ในวันที่ 2 เมษายน 2552
ก่อนหน้านี้ นายสุรชัย ธารสิทธ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย ระบุว่า แผนปรับปรุงธุรกิจ ปี 2552-2554 บริษัทมีความต้องการใช้เงิน 20,000 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องโดยต้องได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลัง โดยแผนกำหนดมาตรการลดค่าใช้จ่ายในปีนี้โดยรวม (ยกเว้นค่าน้ำมัน) ลงประมาณ 5% และภายในปี 2554 จะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนมาตรการเพิ่มรายได้ ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรในปี 2552 ประมาณ 4,000 ล้านบาท
