ผู้เชี่ยวชาญ สศค.คาดมติที่ประชุม กนง.พรุ่งนี้ หั่นดอกเบี้ยลงแรง 0.75-1.00% เพื่อประคองสถานการณ์ ศก.ลงลึกเกินคาด ป้องกันภาวะทรุดตัวอย่างรุนแรง มั่นใจไตรมาส 4/52 พลิกบวกสำเร็จ “มูดีส์” ชี้ ศก.ไทย ทรุดหนักที่สุดในเอเชีย
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินสถานการณ์ตลาดการเงินในประเทศ โดยเชื่อว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ กนง.จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างแน่นอน
“คาดว่า กนง.อาจจะต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงแรงถึง 0.75-1.00% จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 2.00% ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงราว 0.25- 0.50% เนื่องจากเห็นว่า ขณะนี้เศรษฐกิจชะลอตัวลงหนักกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก เป็นเหตุผลที่ต้องใช้ยาแรงเข้าจัดการแก้ปัญหา”
ทั้งนี้ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ยังมีความจำเป็นต่อไป แม้จะไม่ได้มีผลให้เกิดการกระตุ้นการลงทุน แต่สถานการณ์ขณะนี้การลดดอกเบี้ยจะช่วยชะลอไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแรง ด้วยการลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
นอกจากนี้ การที่ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในอัตราที่สูงจะช่วยกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงตามได้ง่าย แม้จะไม่ใช่การลดดอกเบี้ยในอัตราที่เท่าเทียมกัน เนื่องจากสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีอยู่สูง แต่ธนาคารพาณิชย์ก็คงจะต้องทยอยปรับลดดอกเบี้ยตามแน่นอน
“เรามองว่า กนง.อาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.75-1% เพราะขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เศรษฐกิจทุดลงมากกว่าที่เคยคาดเอาไว้ แต่ผลจะเป็นอย่างไร คงต้องรอมติ กนง.ตัดสินใจ การลดดอกเบี้ยมากๆ น่าจะช่วยให้แบงก์พาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยตาม แต่ไม่ใช่ 1 ต่อ 1 เพราะสภาพคล่องแบงก์ยังมีสูง แต่การลดดอกเบี้ยนโยบายลงแรง จะช่วยให้แบงก์ตัดสินใจลดดอกเบี้ยง่ายขึ้น”
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค สศค.เห็นด้วยกับประมาณการภาวะเศรษฐกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่ออกมาระบุว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2551 ติดลบถึง 4.3% ซึ่งอยู่ในสมมติฐานที่ สศค.ได้ประเมินไว้อยู่แล้ว
สำหรับแนวโน้มในปี 2552 สศค.ก็ประเมินในทิศทางเดียวกัน ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2552 ต่อเนื่องไตรมาส 2 ปี 2552 จะยังติดลบต่อเนื่อง กว่าจะกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกอีกครั้งก็คงเข้าสู่ไตรมาส 4 ปี 2552 เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศออกมาใช้จะเริ่มเห็นผลอย่างเต็มที่ โดย สศค.จะมีการทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง เดือนมีนาคม 2552 นี้
“เราไม่แปลกใจที่สภาพัฒน์ประกาศ จีดีพี Q4/51 ติดลบ 4.3% เพราะโมเดล (model) ที่เราทำไว้ก็ติดลบ 4% อยู่แล้ว และในปี 2552 มีโอกาสติดลบต่อเนื่องมีสูงใน 2 ไตรมาสแรก เนื่องจากเทียบจากฐานปี 2551 ที่มีอัตราขยายตัวสูง ส่วนไตรมาส 3 ยังไม่แน่ใจว่าติดลบอีกหรือไม่ แต่ไตรมาส 4 เศรษฐกิจน่าจะกลับเป็นบวกได้ เพราะมาตรการต่างๆ เริ่มเห็นผลเต็มที่”
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นขณะนี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้ทั้งมาตรการการเงินการคลังอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ และยังมีการเตรียมมาตรการเสริมรองรับ ทั้งการเตรียมเงินกู้จากต่างประเทศวงเงิน 70,000 ล้านบาท และความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
**มูดีส์ สบช่องเขียนรายงานอัดซ้ำ
มีรายงานข่าวว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้เผยรายงาน โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มส่อเค้าย่ำแย่หนัก หลังจากที่วานนี้ สภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 4 ปี 2551 ติดลบหนัก 4.3% ขณะที่ผลผลิตก็หดตัวมากเกินคาดถึง 22.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งบ่งชี้ว่า ไทยกำลังจะกลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกรุนแรงที่สุดในเอเชีย
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจไทยดำดิ่งนั้น รายงานระบุว่า มีอยู่หลายประการ ซึ่งรวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์อิเลกทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และผลผลิตอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ลดลงจากต่างประเทศ ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวลดลง ได้ถ่วงให้รายได้จากการส่งออกของไทยทรุดลงอย่างฮวบฮาบ