เอเอฟพี - ความปั่นป่วนผันผวนทางการเงินทั่วโลกในเวลานี้ อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย รุนแรงเสียยิ่งกว่าวิกฤตการณ์ระดับภูมิภาคเอเชีย ที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 1997-1998 ถึงแม้ว่าปัจจุบันสถานะทางการเงินในภูมิภาคนี้ จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เป็นคำเตือนจากสมาคมของพวกแบงก์ และสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก
สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) ซึ่งเป็นสมาคมของธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ระบุว่า วิกฤตการณ์ปัจจุบันนั้น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความต้องการสินค้าในตลาดโลก โดยทำให้ความต้องการดังกล่าวนี้ลดต่ำอย่างรุนแรง แล้วจึงส่งผลต่อการเติบโตของภูมิภาคนี้ ซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก
รายงานฉบับนี้ของไอไอเอฟ ที่นำออกเผยแพร่ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร (27) ที่ผ่านมา กล่าวว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจุบัน ซึ่งผลผลิตทางอุตสาหกรรมของภูมิภาคนี้จะลดต่ำลง จะมีอัตราเร่งและมีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจยิ่งกว่าวิกฤตการณ์การเงินเอเชียในช่วงปี 1997-1998
“การตกต่ำของผลผลิตอุตสาหกรรมคราวนี้รุนแรงกว่าปี 1997-1998 เนื่องจากความอ่อนแอของอุปสงค์ในตลาดคราวนี้ล้ำลึกกว่าคราวที่แล้ว เพราะอุปสงค์ลดต่ำลงทั้งตลาดภายในและภายนอกประเทศ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคก็ชะลอตัวลงมาก” รายงานฉบับนี้ ระบุ
ไอไอเอฟ ชี้ว่า จีนซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีอัตราเติบโตรวดเร็วมาก ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้รุนแรงมากตามไปด้วย เมื่อเทียบกับช่วงปี 1997-1998
ทั้งนี้ ไอไอเอฟ จำแนก จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย ว่า เป็นระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชีย
วิกฤตการณ์ที่กำลังลุกลามอยู่ในปัจจุบัน ถูกจุดชนวนขึ้นโดยการล่มสลายของระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ แล้วส่งผลกระทบให้เกิดภาวะสินเชื่อตึงตัวแผ่ขยายออกไปทั่วโลก สร้างความปั่นป่วนให้แก่ตลาดเงิน ทำให้การส่งออกชะลอตัวลง และทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะงักงัน
ระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่น สหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มประเทศยูโรโซน ดำดิ่งเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้ระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชียต้องได้รับผลกระทบรุนแรงตามไปด้วย เนื่องจากประเทศเหล่านี้ต้องพึ่งอาศัยการส่งออกเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ส่วนวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย เมื่อ 1 ทศวรรษก่อนนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากการล่มสลายของระบบเงินท้องถิ่น สถาบันการเงินประสบปัญหาล้มละลายเนื่องจากนำเงินกู้สกุลต่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูง มาปล่อยกู้สนับสนุนการลงทุนภายในประเทศ
รายงานของไอไอเอฟ กล่าวว่า อุปสงค์ในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมของเอเชียได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินระดับภูมิภาคในช่วงปี 1997-1998 แต่ปัจจุบันระบบการเงินภายในภูมิภาคเอเชียมีความแข็งแกร่งมากกว่าในอดีต สถาบันการเงินในภูมิภาคนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ไอไอเอฟ คาดการณ์ว่า วิกฤตการเงินโลกปัจจุบัน จะทำให้เงินทุนภาคเอกชนที่ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชียในปีนี้ ลดต่ำลงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ โดยจะเหลือเพียง 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากประมาณ 466,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2008 และ 929,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่เกิดขึ้นในปี 2007 ซึ่งกลายเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
รายงานของไอไอเอฟ คาดการณ์ด้วยว่า เงินทุนไหลเข้าที่ลดต่ำลง จะทำให้อัตราขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของกลุ่มประเทศระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในเอเชียลดต่ำลงตามไปด้วย โดยคาดว่า ในปี 2009 นี้ จะมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยเพียง 1.1 เปอร์เซ็นต์ จากที่เคยมีอัตราขยายตัวสูงสุด 6.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2007