"ไอไอเอฟ" เตือนพิษศก.รอบนี้ กระทบไทย-เอเชีย แรงกว่าต้มยำกุ้ง

"ไอไอเอฟ" ชี้วิกฤตเศรษฐกิจในรอบนี้ ส่งผลกระทบกระทบ "ไทย-เอเชีย" รุนแรงกว่าวิกฤต "ต้มยำกุ้ง" เมื่อปี 1997 เนื่องจากความอ่อนแอของอุปสงค์ในตลาดคราวนี้ มีความล้ำลึกกว่าคราวที่แล้ว เพราะอุปสงค์ลดต่ำลงทั้งตลาดภายในและภายนอกประเทศ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคก็ชะลอตัวลงมาก

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) ซึ่งเป็นสมาคมของธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่า ความปั่นป่วนผันผวนทางการเงินทั่วโลกในเวลานี้ อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งเชื่อว่า ความรุนแรงจะยิ่งกว่าวิกฤตการณ์ระดับภูมิภาคเอเชียที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 1997-1998 ถึงแม้ว่าปัจจุบันสถานะทางการเงินในภูมิภาคนี้จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้วก็ตาม ทั้งนี้เป็นคำเตือนจากสมาคมของพวกแบงก์และสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก

ไอไอเอฟ ระบุเพิ่มเติมว่า วิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นปัจจุบันนั้น จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความต้องการสินค้าในตลาดโลก โดยทำให้ความต้องการดังกล่าวนี้ลดต่ำอย่างรุนแรง แล้วจึงส่งผลต่อการเติบโตของภูมิภาคนี้ ซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก

รายงานฉบับนี้ของไอไอเอฟที่นำออกเผยแพร่ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคารที่ 27 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมปัจจุบัน ซึ่งผลผลิตทางอุตสาหกรรมของภูมิภาคนี้จะลดต่ำลง จะมีอัตราเร่งและมีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจยิ่งกว่าวิกฤตการณ์การเงินเอเชียในช่วงปี 1997-1998

"การตกต่ำของผลผลิตอุตสาหกรรมคราวนี้รุนแรงกว่าปี 1997-1998 เนื่องจากความอ่อนแอของอุปสงค์ในตลาดคราวนี้ล้ำลึกกว่าคราวที่แล้ว เพราะอุปสงค์ลดต่ำลงทั้งตลาดภายในและภายนอกประเทศ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคก็ชะลอตัวลงมาก"

รายงานของไอไอเอฟ ยังชี้ว่า จีนซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีอัตราเติบโตรวดเร็วมาก ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้รุนแรงมากตามไปด้วย เมื่อเทียบกับช่วงปี 1997-1998

ทั้งนี้ ไอไอเอฟ ได้จำแนก จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย โดยระบุว่า เป็นระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชีย