นายกฯ มอบหมาย “สุเทพ” แก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ “อุทัย” ชงแผนครบวงจร แนะรัฐออก พ.ร.บ.ยางพารา เพื่อกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และทิศทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบของประเทศ เริ่มตั้งแต่การศึกษาวิจัย ระบบเทคโนโลยี สายพันธุ์การผลิต พื้นที่การเพาะปลูก การแปรรูปสินค้า และการตลาด เพื่อดูแลเสถียรภาพสินค้าอันดับ 3 ของประเทศ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือกับผู้ประกอบการยางพาราไทย โดยมีการหารือถึงการแก้ปัญหาวิกฤตยางพารา พร้อมกับเสนอแผนการพัฒนายางพาราแบบครบวงจร ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีเน้นความสำคัญกับการริเริ่มศึกษาและวิจัยยางพารา เพื่อใช้ประโยชน์ทุกด้านให้คุ้มค่า หลังจากนั้น ก็เป็นการพัฒนาและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับราคายางพารา
นายอภิสิทธิ์ กล่วว่า ข้อมูลที่ได้นำเสนอมานั้น ได้มีโอกาสพูดในหลายเวทีมาแล้ว โดยเป็นที่น่าเสียดายโอกาสของประเทศเกี่ยวกับยาง เช่น ยาง100 เปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยส่งออกเป็นยางดิบไม่แปรรูป 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ส่งออกแปรรูป 10 เปอร์เซ็นต์ แต่มูลค่าของส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ และ 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะฉะนั้น ให้นำกลับมาแปรรูปก่อนส่งออกจะสามารถเพิ่มรายได้ 7-8 เท่า เป็นอย่างน้อย
ทั้งนี้ ในช่วงของการเข้ามาบริหารประเทศเป็นช่วงที่ราคายางมีราคาตกต่ำ โดยบางพื้นที่ต่ำกว่า 30 บาท จึงต้องมีการแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าไปก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังจะจัดวางระบบใหม่ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่คณะกรรมการสภาการยางพาราฯ เสนอมา โดยได้มีการปรึกษากับ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
“ประเทศไทยจะต้องมีการแยกพืชผลแต่ละชนิดออกมาให้ชัดเจน เช่น ข้าว ยาง มัน ปาล์ม หรือข้าวโพด เพื่อจะได้มีกลไกลเฉพาะมาดูแลตรงนี้”
เบื้องต้นขณะนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องของการแก้ไขปัญหายางพาราไปดูแลแล้ว เพื่อไปทำกลไกเฉพาะในเรื่องดังกล่าวขึ้นมา โดยจะมีนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าไปช่วยดูแลด้วยอีกทางหนึ่ง ส่วนในเรื่องของกฏหมายต่าง ๆ และเรื่องการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ยางโดยภาครัฐ ที่ทางคณะกรรมการสภาการยางฯ เสนอมา ก็จะนำไปพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรต่อไป
โดยเช้าวันนี้ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย พร้อมคณะกรรมการสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย จำนวน 30 คน ได้เข้าเยี่ยมคาราวะนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหายางพารางครบวงจร
นายอุทัย ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย เข้าพบเพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหายางพารา เนื่องจากยางพารางป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยสามารถผลิตเป็นอันดับหนึ่งของโลกตั้งแต่ ปี พ.ศ.2534 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2550 ประเทศไทยสามารถผลิตยางได้จำนวน 3.1 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 31 ของผลิตยางทั่วโลก แต่นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศเพียง 373,659 ตัน คิดเป็นร้อยละ 12 ของผลผลิต และคิดเป็นมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ 126,211 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 2.7 ล้านตัน ส่งออกในรูปของยางดิบ สามารถนำเงินเข้าประเทศ รวม 194,357 ล้านบาท ซึ่งยางพาราเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศสูงเป็นอันที่ 3
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหายางพาราที่ทางคณะกรรมการสภาการยางพาราแห่งประเทศไทยเสนอประกอบด้วย อาทิ 1) รัฐบาลควรกำหนดให้มี “พระราชบัญญัติการยางพาราแห่งประเทศไทย” ซึ่งเป็นองค์การที่รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยางพาราทั้งระบบ เพื่อกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และทิศทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบของประเทศ โดยพระราชบัญญัติการยางฯ จะมีกองทุนพัฒนายางพารา สนับสนุนการพัฒนายางพาราทั้งระบบให้กับองค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับยางพารา รวมทั้งมีกองทุนเลี้ยงชีพเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
2) การแก้ไขปัญหาคนว่างงานที่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยการนำยางพารามาแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ที่จะก่อให้เกิดอาชีพแก่คนว่างงาน และส่งผลให้ราคายางสูงขึ้น โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดฝึกอบรมคนว่างงาน เช่น การทำรองเท้านักเรียนหรือซีลท่อประปา ซึ่งขณะนี้มีโรงงานต้นแบบของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ที่พร้อมให้การฝึกอบรม อย่างไรก็ตามขอให้รัฐบาลช่วยหาตลาดรองรับ
3) การแก้ไขปัญหาเกษตรกรชาวสวนยางใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความปลอดภัยให้กับเกษตรกร โดยให้เกษตรกรสามารถกรีดยางได้ในตอนกลางวัน โดยใช้ฮอร์โมนเอทธิลีนฉีดเข้าไปในต้นยาง ซึ่งจะทำให้ผลผลิตยางเพิ่มขึ้น น้ำยางไหลได้นานขึ้น โดยขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการฝึกอบรมการใช้เทคโนโลยี รวมทั้งการจัดซื้ออุปกรณ์และฮอร์โมนดังกล่าวให้กับเกษตรกร
4) การเพิ่มนักวิจัยด้านยางพารา เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของปริมาณยาง โดยขอให้รัฐบาลส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านยางพาราอย่างมีทิศทาง ครบวงจรและต่อเนื่อง 5) นโยบายการส่งเสริมเพิ่มมูลค่ายางพารา โดยการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงกว่าการขายยางพาราเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งการหาตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ยางที่ผลิตได้ภายในประเทศหรือมีผลงานวิจัยพร้อมใช้ เพื่อให้งานวิจัยยางพาราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยดำเนินการผ่านทางนโยบายรัฐที่เน้นการสร้างตลาดในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล
6) สนับสนุนให้มีหน่วยงานรับทดสอบผลิตภัณฑ์และปรับปรุงงานด้านการมาตรฐานยางพาราให้มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยางล้อและถุงมือยาง และ 7) ขอให้รัฐบาลแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เนื่องจากบทบัญญัติของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ไม่ครอบคลุมการทำและแปรรูปเศรษฐกิจของภาคเอกชน