นักวิชาการ ติงรัฐบาลออกมาตรการจ่าย 2 พันบาท 6 เดือน กลุ่มรายได้ต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาท อาจแก้ปัญหาแรงงานไม่ตรงจุด หวั่นใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พร้อมแนะให้ใส่เงินช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างโดยตรง เพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ที่ถูกเลิกจ้างจะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยทันที ไม่เอาเงินไปเก็บออมจนล้นระบบ
ดร.แล ดิลกวิทยรัตน์ ศาสตราพิชาน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการเสวนาเรื่อง “วิกฤตเศรษฐกิจโลกต่อสภาวะการจ้างงานในประเทศไทย” ถึงมาตรการการอัดฉีดเงิน 115,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยระบุว่า เป็นมาตรการที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ กระจัดกระจายเกินไป ไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ต้องการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญที่สุด
นายแล กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือแรงงานโดยเฉพาะการให้เงินผู้ที่มีเงินเดือนไม่ถึง 14,000 บาท จำนวน 2,000 บาท เป็นมาตรการที่ไร้ประโยชน์ และไม่เข้าใจว่ารัฐบาลทำเพื่ออะไร พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รับาลมุ่งเน้นการหาเสียงมากกว่า
สำหรับมาตรการที่รัฐบาลที่ควรจะทำ คือ ใส่เงินเพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างโดยตรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และควรจะมีมาตรการชะลอการเลิกจ้าง หากรัฐบาลจ่ายเงินให้ผู้ถูกเลิกจ้าง ก็ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ที่ถูกเลิกจ้างจะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยทันที ไม่นำไปเก็บออมหรือซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย
นอกจากนี้ รัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง โดยมีตัวแทนนายจ้างและลูกจ้างร่วมมือกัน ส่วนวงเงินกองทุนเท่าใด รัฐบาลจะต้องมีการประเมินว่าคนถูกเลิกจ้างจะมีเท่าใด จึงจะสามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับกองทุนได้อย่างชัดเจน
ดร.แล กล่าวด้วยว่า ไม่อยากเห็นนายจ้างมองแรงงานเป็นเพียงทรัพยากร ควรมองว่า เป็นมนุษย์ และไม่ต้องการให้นายจ้างฉวยโอกาสอ้างว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแล้วปลดคนงาน ทั้งๆ ที่ธุรกิจยังเดินหน้าได้ รวมทั้งเห็นว่าหากเกิดภาวะเศรษฐกิจควรที่จะลดต้นทุนส่วนอื่น เช่น ค่าน้ำมัน วัตถุดิบ หรือภาษี ก่อนที่จะปลดคนงาน ซึ่งควร เป็นสิ่งที่ทำขั้นสุดท้าย