รมว.คลัง ยกทีมหารือ ธปท. ถก 3 ประเด็นหลักขวางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งซอฟท์โลน สภาพคล่อง และการลดดอกเบี้ย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้
วันนี้ (05 มกราคม 2552) นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังร่วมกับคณะของนายกรัฐมนตรีเดินทางไปหารือกับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การแก้กฎหมาย ธปท. เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน (ซอฟท์ โลน) ให้ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ประกอบการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา 2.การเพิ่มปริมาณเงินในระบบให้เพียงพอ และ 3.การลดดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา ธปท. ได้เคยออกสินเชื่อซอฟท์โลนเพื่อนำเงินปล่อยสินเชื่อให้กับสถาบันการเงิน และนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 40,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายฉบับใหม่ไม่ให้ดำเนินการ ดังนั้น จึงต้องหารือร่วมกันว่ามีปัญหาติดขัดอย่างไร จะแก้กฎหมายได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเข้าใจ ธปท. ที่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย แต่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องปล่อยกู้แบบซอฟท์โลนให้กับระบบ เมื่อหารือร่วมกันแล้วหาก ธปท. แก้ไขกฎหมายไม่ได้ กระทรวงการคลัง ก็จะระดมเงินด้วยการออกพันธบัตรเพื่อปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลน
นอกจากนี้ จะหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์พี) เพราะล่าสุด ธปท.ได้ประเมินปัญหาเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกับกระทรวงการคลัง จึงเชื่อว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยลงอีก ในการประชุมเดือน ม.ค.นี้ แต่จะลดลงเท่าไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นอกจากนี้ ยังต้องหารือถึงการเพิ่มปริมาณเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในระบบอย่างเพียงพอด้วย ซึ่งหากเงินของรัฐบาลที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องให้ ธปท.พิจารณาแนวทางดังกล่าวไว้ด้วย โดยปัญหาสำคัญอยู่ที่การหาเงินมาใช้ เพราะ ธปท.มีหน้าที่ในการดูแลปริมาณเงินในระบบให้เพียงพอผ่านทางเครื่องมือต่างๆ นอกจากนั้น จะใช้สถาบันการเงินของรัฐเป็นเครื่องมือในการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบให้มากที่สุด ซึ่งทุกแห่งเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คาดว่าในการประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 14 ม.ค.นี้ จะมีการลดดอกเบี้ยอาร์พีลง รวมถึงการประชุมในครั้งถัดไปน่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังถดถอย สำหรับการปล่อยสินเชื่อตามโครงการของรัฐแม้จะเป็นของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และสามารถช่วยเหลือรายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ธนาคารประชาชน ก็ควรเดินหน้าต่อไป
หากโครงการใดมีปัญหาจึงนำมาพิจารณาทบทวน สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อออกสู่ระบบในปี 52 ยังใช้เป้าหมายเดิม 60,000 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของวงเงินสินเชื่อทั้งหมด อีกทั้งคาดว่าในงานวันเด็กปีนี้ออมสินจะรับเปิดบัญชีเงินฝากได้ประมาณ 800,000 บัญชี มากกว่าปีก่อนที่เปิดบัญชี 700,000 บัญชี โดยทางออมสินไม่ได้เน้นจำนวนยอดเงินฝาก แต่ต้องการสนับสนุนให้เด็กรู้จักการออม