บาธรูมดีไซน์ฯ หวั่นวิกฤตการเงินโลกกระทบลูกค้าต่างประเทศ เข้มตลาดส่งออกกำหนดวงเงินเครดิตสั่งซื้อสินค้า พร้อมทำแบงก์การันตี ขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดกลางจาก 25% เป็น 40% ลุยขายสินค้าเข้าโครงการอสังหารายใหญ่ แลนด์ แอนด์ เฮาส์-แสนสิริ, เอพี
นางสาวนิตยา จังสถิตย์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาธรูมดีไซน์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศสหรัฐฯประสบภาวะวิกฤตการเงิน ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวไปด้วย ซึ่งเดิมบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังสหรัฐฯแต่คงต้องชะลอออกไปก่อน โดยหันไปเน้นตลาดยุโรป, ตะวันออกกลางและเอเชีย มากขึ้น
“ตลาดเอเชียในบางประเทศก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งการส่งออกไปกลุ่มประเทศดังกล่าวต้องระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังป้องกันความเสี่ยงจากการส่งออกเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน จากเดิมที่เข้มงวดอยู่แล้วก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยกำหนดวงเงินเครดิตในการสั่งซื้อสินค้าสำหรับลูกค้าแต่ละรายขึ้นอยู่กับศักยภาพของลูกค้า รวมไปถึงการประกันความเสี่ยงด้านการส่งออกกับสถาบันการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน ที่เข้มงวดมากขึ้น”
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าตลาดระดับกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเพิ่มสัดส่วนสินค้าระดับกลางจาก 25% เป็น 40% อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายไปสู่ลูกค้าโครงการ โดยการนำสินค้าขนาดย่อมเพื่อให้เหมาะกับที่อยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่ รุกตลาดโครงการมากขึ้น ที่มีขนาดเล็กลงทั้งในรูปแบบของบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนขยายโชว์รูมสินค้าลงพื้นที่ต่างประเทศ โดยจะใช้แถบยุโรป เป็นฐานกระจายสินค้าช่วง 3 เดือนสุดท้ายผ่านตัวแทนจำหน่าย 3 ประเทศหลัก ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์, สวีเดน และ ฝรั่งเศส ขณะเดียวกันยังมีตัวแทนจำหน่ายจากประเทศในตะวันออกกลาง เข้ามาติดต่อซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในปี 2552 โดยทาง บริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น เป็น 30-40% จากปัจจุบันบันเพียง 20%
ล่าสุด ได้นำสินค้าเข้าไปขายให้แก่โครงการของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน),บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงการเข้าไปนำเสนอขายสินค้าในโครงการประเภทโรงแรมและรีสอร์ตทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงได้ออกสินค้าใหม่ ทั้ง 4 กลุ่ม ที่ทางบริษัทดูแลอยู่ ได้แก่ กลุ่มอ่างอาบน้ำ 4 รุ่น, สุขภัณท์ 3 รุ่น, อ่างล้างหน้า 2 รุ่น และ ที่ใส่กระดาษชำระ 2 รุ่น โดยจะลดขนาดผลิตภัณฑ์ให้เล็กลง 20% ตอบโจทย์ความกะทัดรัดในพื้นที่ใช้สอยที่เป็น บ้านขนาดเล็ก และ กลุ่มคอนโดฯ เสนอขายราคาเริ่มต้นที่ 9.9 พันบาท/ชึ้น หรือ ประมาณ 2 หมื่นบาท/ชุด ซึ่งถูกกว่า 20% จากสินค้าทั่วไป ทางด้านช่องทางการจำหน่ายนั้น ทางบริษัทมีแผนลงพื้นที่โมเดรินด์ เทรด เฉพาะทาง ทั่วไป อาทิ โฮมโปร, บุญถาวร และ สาขาอินเด็กซ์
“เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านการลงทุนพัฒนาสินค้า หลังจากตลาดสุขภัณท์เริ่มมีสัญญาณทรุดตลอดทั้งปี จากปัจจัยลบด้าน เศรษฐกิจ และ การเมือง ซึ่งคาดว่าในปีนี้ตลาดรวมจะมีการเติบโตไม่น่าเกิน 10% ขณะที่ปีที่ผ่านมานั้นมีการเติบโต 15% ซึ่งทางบริษัทเองนั้น คาดว่าหลังจากการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ช่วงปลายปี จะส่งผลต่อการเติบโตในไตรมาส 4 ไม่ต่ำกว่า 15% และ ทำให้ทั้งปีมีการเติบโต 20% ตามลำดับ” นางสาวนิตยา กล่าว
นางสาวนิตยา จังสถิตย์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาธรูมดีไซน์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศสหรัฐฯประสบภาวะวิกฤตการเงิน ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวไปด้วย ซึ่งเดิมบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังสหรัฐฯแต่คงต้องชะลอออกไปก่อน โดยหันไปเน้นตลาดยุโรป, ตะวันออกกลางและเอเชีย มากขึ้น
“ตลาดเอเชียในบางประเทศก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งการส่งออกไปกลุ่มประเทศดังกล่าวต้องระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังป้องกันความเสี่ยงจากการส่งออกเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน จากเดิมที่เข้มงวดอยู่แล้วก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยกำหนดวงเงินเครดิตในการสั่งซื้อสินค้าสำหรับลูกค้าแต่ละรายขึ้นอยู่กับศักยภาพของลูกค้า รวมไปถึงการประกันความเสี่ยงด้านการส่งออกกับสถาบันการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน ที่เข้มงวดมากขึ้น”
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าตลาดระดับกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเพิ่มสัดส่วนสินค้าระดับกลางจาก 25% เป็น 40% อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายไปสู่ลูกค้าโครงการ โดยการนำสินค้าขนาดย่อมเพื่อให้เหมาะกับที่อยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่ รุกตลาดโครงการมากขึ้น ที่มีขนาดเล็กลงทั้งในรูปแบบของบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนขยายโชว์รูมสินค้าลงพื้นที่ต่างประเทศ โดยจะใช้แถบยุโรป เป็นฐานกระจายสินค้าช่วง 3 เดือนสุดท้ายผ่านตัวแทนจำหน่าย 3 ประเทศหลัก ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์, สวีเดน และ ฝรั่งเศส ขณะเดียวกันยังมีตัวแทนจำหน่ายจากประเทศในตะวันออกกลาง เข้ามาติดต่อซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในปี 2552 โดยทาง บริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น เป็น 30-40% จากปัจจุบันบันเพียง 20%
ล่าสุด ได้นำสินค้าเข้าไปขายให้แก่โครงการของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน),บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงการเข้าไปนำเสนอขายสินค้าในโครงการประเภทโรงแรมและรีสอร์ตทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงได้ออกสินค้าใหม่ ทั้ง 4 กลุ่ม ที่ทางบริษัทดูแลอยู่ ได้แก่ กลุ่มอ่างอาบน้ำ 4 รุ่น, สุขภัณท์ 3 รุ่น, อ่างล้างหน้า 2 รุ่น และ ที่ใส่กระดาษชำระ 2 รุ่น โดยจะลดขนาดผลิตภัณฑ์ให้เล็กลง 20% ตอบโจทย์ความกะทัดรัดในพื้นที่ใช้สอยที่เป็น บ้านขนาดเล็ก และ กลุ่มคอนโดฯ เสนอขายราคาเริ่มต้นที่ 9.9 พันบาท/ชึ้น หรือ ประมาณ 2 หมื่นบาท/ชุด ซึ่งถูกกว่า 20% จากสินค้าทั่วไป ทางด้านช่องทางการจำหน่ายนั้น ทางบริษัทมีแผนลงพื้นที่โมเดรินด์ เทรด เฉพาะทาง ทั่วไป อาทิ โฮมโปร, บุญถาวร และ สาขาอินเด็กซ์
“เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านการลงทุนพัฒนาสินค้า หลังจากตลาดสุขภัณท์เริ่มมีสัญญาณทรุดตลอดทั้งปี จากปัจจัยลบด้าน เศรษฐกิจ และ การเมือง ซึ่งคาดว่าในปีนี้ตลาดรวมจะมีการเติบโตไม่น่าเกิน 10% ขณะที่ปีที่ผ่านมานั้นมีการเติบโต 15% ซึ่งทางบริษัทเองนั้น คาดว่าหลังจากการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ช่วงปลายปี จะส่งผลต่อการเติบโตในไตรมาส 4 ไม่ต่ำกว่า 15% และ ทำให้ทั้งปีมีการเติบโต 20% ตามลำดับ” นางสาวนิตยา กล่าว
