“พาณิชย์” หน้าแตก ครม.ไม่พิจารณากฎหมายค้าปลีกค้าส่ง อ้างต้องให้รัฐมนตรีใน ครม.ทุกคนพิจารณาครบถ้วนก่อน “พาณิชย์” ไม่ยอมแพ้เตรียมชงสัปดาห์หน้า คาดร่างมีปัญหาในหลายประเด็นที่ไม่ชัดเจนต้องตีกลับ โชวห่วยหวั่นมือมืดดึงกฎหมายค้าปลีก และหวังผลไม่ต้องการให้มีกฎหมาย “โอฬาร” เบรก จำนำข้าวโพดและมัน สั่งตั้งทีมนักวิชาการพิจารณาราคาแทรกแซง
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (21 ต.ค.) ยังไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจการค้าส่งค้าปลีก เนื่องจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต้องการให้รัฐมนตรีใน ครม.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้รอบคอบก่อนการอนุมัติร่างฯ ซึ่งคาดว่า ครม.จะสามารถร่าง พ.ร.บ.ค้าส่งค้าปลีกอีกครั้งในวันอังคารที่ 28 ต.ค.
“กระทรวงพาณิชย์ได้นำร่างเสนอให้ ครม.ไปแล้ว แต่ทางเลขาธิการฯได้แจ้งให้รอก่อน เพื่อให้รัฐมนตรีแต่ละท่านได้ศึกษาร่างอย่างครบถ้วน ก่อนการอนุมัติ” นายยรรยง กล่าว
**ชี้ร่าง พ.ร.บ.มีปัญหาข้อกฎหมาย
แหล่งข่าวคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงการเลื่อนการพิจารณา พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งออกไป ซึ่งเสนอโดยกระทรวงพาณิชย์ที่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนว่าเรื่องดังกล่าวนั้นจะต้องมีการพิจารณาในข้อกฎหมายในหลายประเด็น เพราะร่างกฎหมายค้าปลีกนี้เป็นร่างเดิมที่เคยเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในสมัยของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และร่างดังกล่าวถูกตีกลับมาให้มีการแก้ไขถึง 2 ครั้ง ทำให้เห็นว่าคุณภาพของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข
นอกจากนี้ ยังได้รับการทักท้วงจากนักวิชาการในเรื่องสาระของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้ช่วยเหลือธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยที่เรียกว่าโชวห่วยอย่างจริงจัง แต่ทำให้ซัปพลายเออร์ หรือกลุ่มพ่อค้าคนกลางรายใหญ่กลับมาเป็นเจ้าตลาดในธุรกิจค้าปลีกของไทยอีกครั้ง
“เนื้อหาของ พ.ร.บ.ค้าปลีกไม่รู้ว่ามีพื้นฐานอะไรนำมาพิจารณาประกอบ แต่เป็นเพียงการหยิบร่างเก่าที่ไม่ผ่านการพิจารณาของสภามาปัดฝุ่นใหม่และยื่นเข้าไปเหมือนเดิน ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำเร่งรีบเกินไปและไม่รอบคอบ” แหล่งข่าวจาก ครม.กล่าว
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกใหม่ที่จะนำเข้าเสนอให้ครม.พิจารณาต้องมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในระบบการค้าทั้งหมด ไม่ใช่เลือกที่จะกีดกันเฉพาะห้างค้าปลีกรายใหญ่เท่านั้น และต้องมีการพัฒนาผู้ค้าปลีกรายย่อยให้มีการปรับตัว และอยู่ได้ซึ่งเป็นทางออกที่ดีไม่มีการปิดกั้นผู้ค้ารายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ หากมีการเร่งพิจารณากฎหมายดังกล่าวออกมาอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนักลงทุนต่างชาติอีกด้วยจึงต้องมีการทบทวนให้รอบคอบแล้วนำกลับมาเสนอให้ ครม.พิจารณาใหม่
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้พิจารณาโครงการรับจำนำมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เนื่องจาก นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการให้พิจารณาเรื่องต้นทุนให้ชัดเจนก่อน โดยให้มีคณะกรรมการที่มาจากนักวิชาการเป็นคนกลางในการคำนวณให้ชัดเจนเช่นเดียวกับการกำหนดราคารับจำนำข้าวนาปี ปี 2551/52
**เลื่อนพิจารณาหวั่นกฎหมายล่าช้า
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า เหตุที่ ครม.ยังไม่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง จะยิ่งทำให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ช้าลง เพราะไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ถูกถอดจากวาระการประชุม ครม.นั้น เกิดจากเหตุผลใด โดยความเห็นส่วนตัวมองว่าอาจเกิดจากขบวนการที่ไม่ต้องการให้มีกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ก็ได้
“ที่ผ่านมา มีการพยายามผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ แต่แทบไม่เป็นผล เพราะตั้งแต่สมัย นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็น รมว.พาณิชย์ ที่มีความพยามยามผลักดัน แต่กฎหมายก็ต้องตกไป จนมาถึงยุค นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็น รมว.พาณิชย์ ก็อยากจะให้มีกฎหมายฉบับนี้บังคบใช้ แต่สุดท้ายก็ถูกถอดออกวาระการประชุม ครม.ซึ่งไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุใด” นายสมชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ค้าปลีกรายย่อยของไทย (โชวห่วย) ประสบปัญหามากจากการขยายสาขาของค้าปลีกสมัยใหม่ไปทั่วประเทศแล้ว ไม่มีกฎหมายใดที่จะหยุดการขยายตัวได้ นอกจากฎหมายค้าปลีกค้าส่งที่จะเข้ามาดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่งโดยตรง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง จะถูกดึงออกจากการพิจารณาของครม.หรือไม่ หากเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก อาจทำให้ร่างกฎหมายพิจารณาไม่ทันสมัยประชุมเดือนพ.ย.นี้ และต้องเลื่อนการพิจารณาไปเป็นเดือน ส.ค.ปีหน้า ถ้าถึงเวลานั้นจริง โชห่วยไทยคงไม่เหลือแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวยืนยันว่า จะมีการเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ ครม.พิจารณา (21 ต.ค.) แต่ก็ถูกตีกลับออกมาให้นำไปทบทวนในข้อกฎหมายแล้วเสนอมาใหม่ในสัปดาห์หน้า โดยก่อนหน้านี้นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เสนอให้ ครม.พิจารณร่างกฎหมายค้าปลีกผ่าน นายไชยา เพื่อนำเสนอให้ ครม.พิจารณา
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (21 ต.ค.) ยังไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจการค้าส่งค้าปลีก เนื่องจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต้องการให้รัฐมนตรีใน ครม.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้รอบคอบก่อนการอนุมัติร่างฯ ซึ่งคาดว่า ครม.จะสามารถร่าง พ.ร.บ.ค้าส่งค้าปลีกอีกครั้งในวันอังคารที่ 28 ต.ค.
“กระทรวงพาณิชย์ได้นำร่างเสนอให้ ครม.ไปแล้ว แต่ทางเลขาธิการฯได้แจ้งให้รอก่อน เพื่อให้รัฐมนตรีแต่ละท่านได้ศึกษาร่างอย่างครบถ้วน ก่อนการอนุมัติ” นายยรรยง กล่าว
**ชี้ร่าง พ.ร.บ.มีปัญหาข้อกฎหมาย
แหล่งข่าวคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงการเลื่อนการพิจารณา พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งออกไป ซึ่งเสนอโดยกระทรวงพาณิชย์ที่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนว่าเรื่องดังกล่าวนั้นจะต้องมีการพิจารณาในข้อกฎหมายในหลายประเด็น เพราะร่างกฎหมายค้าปลีกนี้เป็นร่างเดิมที่เคยเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในสมัยของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และร่างดังกล่าวถูกตีกลับมาให้มีการแก้ไขถึง 2 ครั้ง ทำให้เห็นว่าคุณภาพของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข
นอกจากนี้ ยังได้รับการทักท้วงจากนักวิชาการในเรื่องสาระของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้ช่วยเหลือธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยที่เรียกว่าโชวห่วยอย่างจริงจัง แต่ทำให้ซัปพลายเออร์ หรือกลุ่มพ่อค้าคนกลางรายใหญ่กลับมาเป็นเจ้าตลาดในธุรกิจค้าปลีกของไทยอีกครั้ง
“เนื้อหาของ พ.ร.บ.ค้าปลีกไม่รู้ว่ามีพื้นฐานอะไรนำมาพิจารณาประกอบ แต่เป็นเพียงการหยิบร่างเก่าที่ไม่ผ่านการพิจารณาของสภามาปัดฝุ่นใหม่และยื่นเข้าไปเหมือนเดิน ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำเร่งรีบเกินไปและไม่รอบคอบ” แหล่งข่าวจาก ครม.กล่าว
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกใหม่ที่จะนำเข้าเสนอให้ครม.พิจารณาต้องมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในระบบการค้าทั้งหมด ไม่ใช่เลือกที่จะกีดกันเฉพาะห้างค้าปลีกรายใหญ่เท่านั้น และต้องมีการพัฒนาผู้ค้าปลีกรายย่อยให้มีการปรับตัว และอยู่ได้ซึ่งเป็นทางออกที่ดีไม่มีการปิดกั้นผู้ค้ารายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ หากมีการเร่งพิจารณากฎหมายดังกล่าวออกมาอาจจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนักลงทุนต่างชาติอีกด้วยจึงต้องมีการทบทวนให้รอบคอบแล้วนำกลับมาเสนอให้ ครม.พิจารณาใหม่
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้พิจารณาโครงการรับจำนำมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เนื่องจาก นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการให้พิจารณาเรื่องต้นทุนให้ชัดเจนก่อน โดยให้มีคณะกรรมการที่มาจากนักวิชาการเป็นคนกลางในการคำนวณให้ชัดเจนเช่นเดียวกับการกำหนดราคารับจำนำข้าวนาปี ปี 2551/52
**เลื่อนพิจารณาหวั่นกฎหมายล่าช้า
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า เหตุที่ ครม.ยังไม่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง จะยิ่งทำให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ช้าลง เพราะไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ถูกถอดจากวาระการประชุม ครม.นั้น เกิดจากเหตุผลใด โดยความเห็นส่วนตัวมองว่าอาจเกิดจากขบวนการที่ไม่ต้องการให้มีกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ก็ได้
“ที่ผ่านมา มีการพยายามผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ แต่แทบไม่เป็นผล เพราะตั้งแต่สมัย นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็น รมว.พาณิชย์ ที่มีความพยามยามผลักดัน แต่กฎหมายก็ต้องตกไป จนมาถึงยุค นายไชยา สะสมทรัพย์ เป็น รมว.พาณิชย์ ก็อยากจะให้มีกฎหมายฉบับนี้บังคบใช้ แต่สุดท้ายก็ถูกถอดออกวาระการประชุม ครม.ซึ่งไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุใด” นายสมชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ค้าปลีกรายย่อยของไทย (โชวห่วย) ประสบปัญหามากจากการขยายสาขาของค้าปลีกสมัยใหม่ไปทั่วประเทศแล้ว ไม่มีกฎหมายใดที่จะหยุดการขยายตัวได้ นอกจากฎหมายค้าปลีกค้าส่งที่จะเข้ามาดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่งโดยตรง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง จะถูกดึงออกจากการพิจารณาของครม.หรือไม่ หากเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก อาจทำให้ร่างกฎหมายพิจารณาไม่ทันสมัยประชุมเดือนพ.ย.นี้ และต้องเลื่อนการพิจารณาไปเป็นเดือน ส.ค.ปีหน้า ถ้าถึงเวลานั้นจริง โชห่วยไทยคงไม่เหลือแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวยืนยันว่า จะมีการเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ ครม.พิจารณา (21 ต.ค.) แต่ก็ถูกตีกลับออกมาให้นำไปทบทวนในข้อกฎหมายแล้วเสนอมาใหม่ในสัปดาห์หน้า โดยก่อนหน้านี้นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เสนอให้ ครม.พิจารณร่างกฎหมายค้าปลีกผ่าน นายไชยา เพื่อนำเสนอให้ ครม.พิจารณา
