ผอ.ศูนย์พยากรณ์ฯ ม.หอการค้า ยอมรับ มาตรการกู้วิกฤตการเงินทั่วโลก ส่งผลดีแค่ในรระยะสั้น แนะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หวั่นมีธนาคารในต่างประเทศทยอยล้มลงอีกระลอก เผย ธนาคารในญี่ปุ่นเสี่ยงสูง ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกชะลอลงทุน เพื่อรอดูตัวเลข Wells Fargo และ JP Morgan ด้านผลสำรวจชาวอเมริกัน ระบุ รัฐบาลบุช หมดความชอบธรรมในการใช้เงินจำนวนมหาศาล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงมาตรการของทั่วโลกเพื่อกู้วิกฤตการเงินของสหรัฐฯ โดยระบุว่า การประเมินในภาพรวมเชื่อว่าจะได้รับผลดี เพราะตลาดหุ้นลดความตระหนก และปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะอาจมีเหตุการณ์เชิงลบในอนาคต โดยอาจมีการล้มของธนาคารในต่างประเทศอีก
ส่วนปัญหาที่จะเกิดในเอเชีย นายธนวรรธน์ เชื่อว่า วิกฤตสถาบันการเงินจากสหรัฐฯ จะเข้าไปกระทบประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด เพราะมีความเกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ซีดีโอ ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหา
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ประเทศไทยไม่น่าเป็นห่วงและไม่น่ามีปัญหา เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับตราสารซีดีโอน้อย และมีการแก้ปัญหาไปบ้างแล้ว
ขณะนี้ นักลงทุนทั่วโลก เริ่มชะลอการลงทุน เพื่อติดตามการรายงานผลประกอบการของ Wells Fargo และ JP Morgan Chase & Co, ในคืนนี้ โดยคาดกันว่าจะมีการประกาศผลขาดทุนอย่างหนัก จากปัญหาเก่าที่หมกเอาไว้ นั่นคือการขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยการแก้ปัญหาของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยการทุ่มเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ ถือเป็นการสะสางของเก่า ส่วนมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน และคงต้องรอให้เป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่
ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดในสหรัฐฯ ระบุว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันของสหรัฐฯ หมดความชอบธรรมในการใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อปูรากฐานคะแนนเสียง เพราะใกล้หมดวาระแล้ว จึงไม่มีหน้าที่ใช้งบประมาณเข้าซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา โดยควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ผลการสำรวจครั้งหลังสุดบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันขานรับมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเจ้าของบ้านที่เสี่ยงต่อการถูกธนาคารยึดบ้าน