นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยประจำเดือนธันวาคม 2550 และแนวโน้มใน 6 เดือนข้างหน้า พบว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมดีขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมาที่ร้อยละ 70.4 โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย ส่งผลทางจิตวิทยาในเชิงบวกกับผู้บริโภคและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่คาดว่าการขยายตัวของ GDP อยู่ที่ร้อยละ 4.5 ที่เป็นผลจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น รวมถึงปัจจัยจากภาคการส่งออก การคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ยังคงมีปัจจัยลบอยู่ที่ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า และราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความวิตกกังวล เกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้า
นอกจากนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังคงคาดการณ์ว่า ในช่วงนี้การบริโภคยังคงขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ความไม่ชัดเจนทางการเมืองว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากน้อยเพียงใด ซึ่งน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยังปรับตัวไม่สูงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 แต่น่าจะปรับตัวดีขึ้นในกลางไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 หรือหลังจากที่รัฐบาลใหม่เริ่มดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้การใช้จ่ายเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดช่วงกลางไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป หากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศไม่แพงเกินกว่าระดับปัจจุบันมากนัก
นอกจากนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ยังคงคาดการณ์ว่า ในช่วงนี้การบริโภคยังคงขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ความไม่ชัดเจนทางการเมืองว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากน้อยเพียงใด ซึ่งน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยังปรับตัวไม่สูงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 แต่น่าจะปรับตัวดีขึ้นในกลางไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 หรือหลังจากที่รัฐบาลใหม่เริ่มดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้การใช้จ่ายเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดช่วงกลางไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป หากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศไม่แพงเกินกว่าระดับปัจจุบันมากนัก