“สุชาติ ธาดาธำรงเวช” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดีใจจนเนื้อเต้น หลังข่าวถูกทาบนั่งเก้าอี้ขุนคลัง ลั่นพร้อมรับตำแหน่งทันที ขอสานฝันให้ “หมอเลี้ยบ” สู่เป้าหมาย พร้อมยืนยัน พรรคตนเองไม่ใช่อะไหล่ พปช.แตเปรียบเสมือนเรือเล็กที่เอาไว้รองรับสมาชิก หากเรือไททานิกล่ม ขณะที่ รมว.คลัง ยอมสละเก้าอี้ ฝากงานปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ
วันนี้ (22 ก.ย.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวการถูกทาบทามเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลชุดของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยระบุว่า ขณะนี้ตนเองยังไม่ได้รับการทาบทามเข้ามา แต่พร้อมและยินดีที่จะรับตำแหน่งนี้ เพราะปัจจุบันตนเองก็ดำรงตำแหน่ง รมช.คลัง อยู่แล้ว จึงถือว่าการทำงานไม่ได้ยุ่งยาก และพร้อมที่จะสานงานต่อจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะได้วางนโยบายที่ดีไว้แล้ว
นายสุชาติ กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนที่จะเข้ามาแก้ไข คือ การแก้ปัญหาสภาพคล่องและปัญหาตลาดทุนในประเทศ ซึ่งเป็นผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและประชาชน รวมทั้งเชื่อมโยงปัญหาสภาพคล่องในระบบโดยรวม
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง จะเข้ามาเป็นทีมเศรษฐกิจด้วยนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะได้มีการหารือถึงปัญหาเศรษฐกิจและให้คำปรึกษากันเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว
นายสุชาติ ยังปฏิเสธด้วยว่า การรับเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่การเป็นสาขาของพรรคพลังประชาชน แต่เป็นการเตรียมพร้อมรองรับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีการยุบพรรคพลังประชาชน ดังนั้น การเตรียมการไว้ดีกว่าไม่มีพรรคการเมืองอยู่ เพราะเมื่อถึงเวลาแล้ว การไม่มีพรรคจะยิ่งยากและแย่มากขึ้น
“เหมือนเรือไททานิคที่กำลังจะจม และไม่ใช่เพียงลำเดียว แต่มี 2-3 ลำ ก็ต้องมีการเตรียมเรือเล็กๆ ไว้ เพราะไม่ว่าใครตกน้ำ เรือเล็กๆ ก็ต้องช่วยคนตกน้ำให้ขึ้นเรือ” นายสุชาติ ระบุทิ้งท้าย
โดยวานนี้ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย มีมติให้ นายสุชาติ เป็นหัวหน้าพรรค โดยมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ และนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นรองหัวหน้าพรรค
ทั้งนี้ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นายสามารถ แก้วมีชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.เชียงราย พรรค พปช.ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ มีการหารือในกลุ่ม ส.ส.ของ พปช.เกี่ยวกับการตั้งพรรคเพื่อไทยขึ้น เพื่อใช้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป หาก พปช.ถูกยุบตามคำสั่งศาลหลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ติยะไพรัช หนึ่งในกรรมการบริหาร พปช.เป็นเวลา 5 ปี ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจกจ่ายทรัพย์สินในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ธ.ค.50
** “เลี้ยบ” วางทายาทอสูร สานต่อพลังไข่แม้ว
นายแพทย์ (นพ.) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กล่าวในการอำลาตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง โดยฝากให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังใช้ความรู้ความสามารถ เพื่อนำพาประเทศให้ฝ่าวิกฤตไปได้ โดยมั่นใจว่า ข้าราชการและผู้บริหารกระทรวงการคลัง จะทำได้ดี ส่วนตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่ มั่นใจว่าจะสามารถเข้ามาสานงานต่อจากตนได้ และทำงานร่วมกับข้าราชการในกระทรวงได้เป็นอย่างดี
นพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงสิ่งที่ รมว.คลังคนใหม่ จะต้องเร่งสานต่องานที่จะต้องเร่งทำโดยด่วน ได้แก่ การปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ โดยมองว่าควรมีการปรับลดการจัดเก็บภาษีนิติบุคคล และภาษีบุคคลธรรมดาลง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคได้มีการปรับลดการจัดเก็บภาษีทั้งสองประเทศลงแล้ว หากล่าช้าประเทศไทยอาจเสียเปรียบ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น แต่ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มไม่จำเป็นต้องทำทันทีที่มีการปรับลดภาษีนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา
นอกจากนี้ สำหรับการปรับลดภาษีรถยนต์ อี85 นั้น นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาจากยุทธศาสตร์ทั้งราคาน้ำมันและราคาเอทานอล
นพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงการทำงานในกระทรวงการคลังช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า ตนเองได้มีการผลักดันนโยบายจากด้านเศรษฐกิจออกมามากมาย และยังเหลืออีกมาตรการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยเชื่อว่ากระทรวงการคลังจะมีการผลักดันนโยบายต่างๆ ออกมาอีก ดังนั้น ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีปัญหาอย่างไร หากทุกคนพร้อมใจกันฝ่าฟันก็เชื่อว่าจะทำให้ประเทศชาติพ้นวิกฤตได้